8 เมษายน 2559

[SF] Good-Boy #ถิงหยวน







“ฮึ้ย!” ได้ยินเสียงของผ้าเหมือนถูกโยนลงที่พื้นและเสียงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ผมลดขวดน้ำลง เหลือบตามองไปตรงหน้า ที่กระจกอีกฝั่ง เห็นใครคนหนึ่งนั่งหน้าหงิกอยู่ ผิดกับตอนมาที่ใบหน้ายังยิ้มแย้มแจ่มใส่ ผมถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยปาก


“ไอ้ท่าที่นายพยายามอยู่น่ะ มันไม่ยากหรอกนะ แต่นายวางช่วงเท้าและขาผิด สะโพกมันเลยหมุนแบบแปลกๆ” 


“...” เงียบ...เหมือนที่พูดไปล่องลอยกลางอากาศ ผมส่ายหัวไปมาช้าๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมพยายามจะคุย หยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดไหล่อยู่มาซับหน้า เพราะผมเพิ่งจะเต้นเสร็จไปสองรอบ ผมเต้นได้แล้วเพราะมันโชว์ไม่กี่นาทีเอง ท่าก็ไม่ได้ยากอะไร  


ไม่รู้ว่าพวกทีมงานคิดอะไรอยู่ ถึงให้ผมกับหวังหยวนมาโชว์ด้วยกัน เรื่องคู่ชิปอะไรนั่นผมก็รู้นะ แล้วผมก็ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่ด้วย แต่คนที่สนใจดูจะเป็นคนตรงหน้าผมมากกว่า ก็เพราะเรื่องนี้นี่แหละทำให้น้องมึนตึงใส่ผมแบบนี้ไง คุยด้วยก็ไม่ยอมคุย ผมก็พอจะรู้แหละนะว่าเพราะอะไร อยากจะทำเป็นไม่สนใจแต่บางทีก็อดไม่ไหวเหมือนกัน อย่างเช่นครั้งนี้ก็ด้วย ต้องร่วมงานกันแท้ๆ อยากตำหนิอยู่เหมือนกันแต่ไม่ดีกว่า 


หวังหยวนถอนหายใจเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาหยิบผ้าสีขาวที่โยนทิ้งที่พื้นก่อนหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่ไหลมาตามใบหน้า ก่อนจะเดินไปกดเปิดเพลง good boy ผมแอบอมยิ้มน้อยๆ ต้องอย่างนี้สิ ตั้งแต่ที่ผมกับหวังหยวนรู้ว่าต้องขึ้นโชว์ด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มซ้อม หวังหยวนเป็นคนอดทนมาก เต้นไม่ได้เขาก็จะซ้อมอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะเต้นได้ ท่าไหนรู้สึกว่าไม่โอเคเขาก็จะเดินไปเปิดเพลงวนซ้ำอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะรู้สึกว่าโอเค ทำให้ผมรู้ว่าเขาใส่ใจและตั้งใจจะเต้นมาก น่าเสียดายที่เขาดื้อ ไม่ค่อยยอมฟัง เอ....หรือบางทีอาจจะฟังนะ เขาอาจจะมึนตึงแค่กับผม 


ผมนั่งอยู่เก้าอี้อีกฝั่งของห้องซ้อม ยกน้ำขึ้นดื่มอีกครั้ง เพลงGood Boyดังไปทั่วห้องซ้อม ผมฮัมเพลงตามไปเบาๆ สงสัยกันใช่มั้ยว่าผมกับหวังหยวนไม่คุยกันแล้วซ้อมกันยังไง เพราะเพลงก็ต้องใช้เพลงเดียวกัน....ครับ คิดถูกแล้ว เพราะผมโตกว่า(มาก) เลยจำใจต้องเอาMP3ขนาดพกพาที่เล็กพอที่จะเหน็บกางเกงหรือเสื้อไว้ได้เปิดเพลงซ้อมตั้งแต่แรก ทุกลักทุเลอยู่พอสมควร แต่ยังดีที่เคยมีกระสบการณ์มาบ้างแล้ว เลยไม่ค่อยแย่เท่าไหร่


แต่ยังไงสุดท้ายก็ต้องไปซ้อมด้วยกันอยู่ดี เคยดูคนเต้นด้วยกันมั้ยล่ะครับ ต้องมีอารมณ์หรือฟีลลิ่งแนวผู้ชายเท่ๆให้สาวๆได้กรี๊ดกันบ้างอยู่แล้ว
   

ผมส่ายหัวเมื่อถึงตอนที่ใช้สะโพกหมุน หวังหยวนทำไม่ได้ ไม่ได้นี่คือไม่ใช่แค่ไม่โอเค แต่เขาหมุนมันไม่ได้เลย ผมส่ายหัว นั่งดูเขาเดินกลับไปเปิดเพลงนับแล้วเกือบสิบกว่ารอบได้ หวังหยวนเต้นตั้งแต่แรกจนมาถึงท่านั้น แล้วก็หยุด นั่นหมายความว่าเขาจะไม่เต้นท่าต่อไปถ้าเขายังเต้นท่านี้ไม่ได้ จนเขาหมดความอดทน ขว้างผ้าเช็ดหน้าลงที่พื้นอีกครั้งแล้วกระแทกตัวนั่ง เข่าถูกชันขึ้นมาแล้วที่เจ้าตัวจะฟุบลงไป 


ผมถอนหายใจอีกครั้ง คิดว่าครั้งนี้คงต้องไปสอนเขาซะแล้ว ผมปล่อยให้หวังหยวนนั่งอยู่แบบนั้นสักพักจนสังเกตว่าไหล่และตัวเขาสั่นน้อยๆ โอ้....เขาร้องไห้เลยหรือนี่ ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก ทำไงดีวะ... 


สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปเขาหวังหยวนช้าๆ ไหล่เขายังขยับไหวขึ้นลงอยู่ ผมนั่งชันเข่ายองๆอยู่แบบนั้นสักพักเลย กว่าจะตัดสินใจค่อยๆยื่นมือไปแตะไหล่หวังหยวน 


“เฮ้ย ตัวเล็ก ร้องไห้เลยเหรอ ไม่เอาน่า เดี๋ยวฉันสอนก็ได้”


“...”


“โชว์2นาทีเอง ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ฉันรู้ว่านายเก่งอยู่แล้ว เห็นในเพลงนายก็เต้นดีนี่นา แค่พยายามอีกหน่อย”


“...”


“เอาน่า ไม่เป็น...”


“ใครบอกว่าผมร้องไห้” อ้าว....ผมเลิกคิ้ว พูดยังไม่ทันจบคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมา คิ้วเข้มนั่นขมวดมุ่น ดูน่ารักแปลกๆในสายตาผมทั้งที่เป็นเด็กผู้ชาย สายตามองตรงมาที่ผมคล้ายกับจะเอาเรื่องอยู่หน่อยๆด้วย ผมดึงมือตัวเองกลับ


“แล้ว...”


“แล้วใครให้เรียกว่าตัวเล็ก?.....สนิทกันเหรอ”


“พูดดีดีหน่อย ยังไงฉันก็รุ่นพี่นาย”


“...” ผมพูดแล้วเดินออกมาเลย เออ นึกหงุดหงิดอยู่เล็กๆเหมือนกัน คนอุตส่าห์จะเข้ามาสอน ไม่ว่าผมจะโตกว่าเขาแค่ไหนแต่อายุเท่านั้นก็คงไม่เด็กแล้วล่ะ คิดได้แล้วว่าต้องพูดยังไงวางตัวยังไง แต่พอนึกว่าได้หวังหยวนคงหงุดหงิดอยู่แล้วที่เต้นไม่ได้สักที บวกกับความเหนื่อย และไม่อยากคุยกับผมด้วย คำพูดเลยออกมาไม่ดี ช่างเถอะ 


ผมกลับมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเหมือนเดิม เดินไปเอามือถือในกระเป๋ามาเขี่ยๆจอเปิดดูนั่นนี่ไปเรื่อย สุดท้ายก็เปิดweibo ผมชอบไปฟอลโลวบ้านที่ตามถ่ายรูปตัวเอง ดูโรคจิตมั้ยที่ชอบดูรูปตัวเองที่พวกเขาถ่าย บางรูปก็ไม่เคยเห็นเลยว่าตัวผมเองก็มีมุมแบบนี้ ส่องกระจกแทบทุกวันทำไมไม่เคยเห็น แอบนึกทึ่งคนถ่ายรูปพวกนี้ ที่ถ่ายออกมาให้ผมดูเป็นที่มีหลายบุคลิกหลายตัวตน ผมยังเคยหลงตัวเองด้วยนะว่าบางรูปก็หล่อก็เท่เหมือนกัน (ค่ะ เอาที่ลุงสบายใจ)


จนสักพัก คิดว่าตัวเองเล่นมือถือนานไปแล้ว ช่วงที่กำลังลดโทรศัพท์ลงจากมือ ตรงหน้าผม... 


“หือ” 


“สอนผมหน่อย”....เบามาก ไม่ได้ยินอะไรเลย


“ว่าอะไรนะ”


“สอนผมหน่อย” ได้ยินแล้ว...ผมแอบยิ้ม คราวนี้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หวังหยวนที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า ทำหน้านิ่งๆจงใจกวนตีนเขานิดหน่อย 


“ฉันไม่ได้ยินที่นายพูดเลย” 


“ผม.... ผมเต้นเองก็ได้” หวังหยวนไม่ยอมพูดอีกครั้ง เขาพูดเหมือนจะกระแทกเสียงใส่ผมนิดหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในโทนเสียงปกติ ผมรีบคว้าแขนของน้องไว้อย่างถือวิสาสะตอนที่หวังหยวนหันหลังตั้งท่าจะเดินออกไป 


“ฉันจะสอนให้ แต่ขออะไรอย่างนึง” 


“...” หวังหยวนค่อยๆหันหลังกลับมา คิ้วยังขมวดมุ่น แต่ที่เขายอมหันกลับมาแสดงว่าเขาจะฟังที่ผมพูด 


“ห้ามพูดแบบเมื่อกี้ใส่ฉันอีก”


“...” 


“มันไม่ดีนะ ฉันไม่ได้โกรธนายหรอก แต่ไปทำกับคนอื่นเขาจะไม่มาพูดกับนายแบบนี้หรอกนะ” ผมพูดแล้วปล่อยแขนหวังหยวน ลุกขึ้นแล้วเดินไปตรงที่ที่เขาใช้ซ้อม ส่ายหัวให้ตัวเองเบาๆ สุดท้ายเผลอพูดออกไปจนได้ ใช้หางตามองก็ยังเห็นว่าหวังหยวนยังยืนอยู่ที่เดิม การถูกติหนิมันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับบางคน แต่ก็ไม่ใช่สำหรับทุกคนเหมือนกัน ผมไม่น่าพูดเลย หวังหยวนคงจะรู้สึกไม่ดี ผมเลยเดินกลับไปหาเขาแทน


“ไปซ้อมกันเถอะ ครั้งนี้ฉันจะซ้อมด้วย”


“ผมขอโทษ” ผมยิ้ม หวังหยวนเงยหน้าขึ้นมา ผมแทบหุบยิ้มไม่ทัน แย่ละ 


“เออ...เออ ไปเถอะ เดี๋ยวนายเต้นท่าต่อไปไม่ได้นะ” ผมรีบพูดกลบเกลื่อน ทำไมต้องรู้สึกกลัวอารมณ์น้องมากขนาดนี้นะ หวังหยวนเดินตามมายืนข้างๆผม เว้ยระยะห่างนิดหน่อย ด้านหน้าเป็นกระจกสะท้อนตัวของเราทั้งสองคน 


“ลองเต้นรอบนึงก่อน เต้นไปพร้อมกัน โอเคมั้ย” หวังหยวนพยักหน้า ผมเดินไปเปิดเพลง เมื่ออินโทรเริ่มขึ้นผมกับหวังหยวนก็เริ่มตั้งท่า เต้นตามสเต็ปไปตามจังหวะเพลงไปเรื่อยๆ ผมยิ้ม รู้สึกดีที่น้องทุ่มเทและตั้งใจเต้น ทุกท่าตั้งแต่เพลงเริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้ เราสองคนเต้นพร้อมกันมาก จนมาถึงท่าหมุนสะโพก ผมหมุนไปตามเพลง (มันมีท่าเด้งเป้าด้วยนะ ผมพยายามไม่สนใจ แต่ก็จับตัวเองได้ว่าเหล่มองของคนข้างๆบ่อยๆ ผมโรคจิตจริงๆหรือ) ตาก็มองหวังหยวนด้วย หวังหยวนหยุดเต้นทันทีที่ทำไม่ได้ เขาเดินไปปิดเพลง ทำให้ผมต้องหยุดเต้นไปด้วย 


“เอาล่ะ ใจเย็นๆ ฉันจะกรอกลับไป10วิ แล้วนายลองเต้นท่านี้ให้ฉันดูอีกครั้ง ตกลงไหม” ผมเดินกลับไปที่เทป หวังหยวนตั้งท่าแล้ว เป๊ะมาก ผมกดเล่น เมื่อเพลงเริ่มเล่นหวังหยวนก็เต้น จนไปถึงท่าหมุนสะโพกเขาก็ทำมันไม่ได้อีก ผมกดปิดเพลง


“กางขาออกแล้วโน้มตัวมาข้างหน้า” หวังหยวนทำตามที่ผมบอก ผมส่ายหัว แค่นี้ก็ผิดแล้ว ผมเดินอ้อมไปด้านหน้าเขาจับหัวเข่าหวังหยวนให้ให้นิ่ง ก่อนจะเดินอ้อมไปด้านหลังเขา มองตรงไปที่กระจก “ดูกระจก เวลากางขาเอาแค่พอดี แค่กางแค่ช่วงกว้างของหัวไหล่ตัวเองก็พอ แล้วดูนายค้อมตัว มันเยอะเกินไป” (ค้อมตัว = คล้ายก้ม แต่ไม่ได้โน้มตัวลงไปเยอะ งงขออภัยขอรับ)


“อะ....ถะ....ถิงเกอ” 


“หือ มีอะไร” ผมสอดมือทั้งสองข้างจากด้านหลังเข้าไปด้านหน้าหวังหยวน ปลายนิ้วมือค่อยๆดันหัวไหล่ให้ตัวเขายกขึ้นแล้วเอนมาด้านหลัง ได้ยินเสียงเขาครางเบาๆ “มองอะไร ดูที่กระจกสิ จะได้รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหนตรงไหน”


“คะ...คือว่า...” 


“นายปวดตรงไหนหรือเปล่า ฉันเผลอไปโดนตรงไหนที่ปวดเหรอ” ผมพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ จึงรีบดึงมือตัวเองออกมาจากตัวเขา 


“ปะ...เปล่าครับ” 


“อ้อ นึกว่าปวดตรงไหน ดูที่กระจก ท่านนี้เป็นท่าที่ต้องยืนแล้วค้อมตัวลงไปนิดหน่อยก่อนจะหมุนสะโพกใช่มั้ย เวลานายยืนเคยตั้งใจดูที่ขาหรือเปล่า อย่าคิดว่ามันไม่สำคัญนะ จุดสมดุลที่ขาสำคัญมาก อะ ทีนี้ลองหมุนสะโพกดู” ผมผละออกจากตัวหวังหยวน เมื่อเห็นเขายังไม่หมุนผมจึงถาม “ทำไมไม่หมุนล่ะ ยังทำไม่ได้รึ”


“เปล่าครับ...เอ่อ....ไม่เปิดเพลงเหรอ” ผมส่ายหัว


“ลองแบบไม่มีจังหวะก่อน” หวังหยวนพยักหน้า เขาเรียนรู้ไว พอผมบอกวิธียืนก็ตั้งท่าอีกครั้งได้เป๊ะพอดี อืม...น่ารักนี่นา พอพูดคุยกันแล้วก็น่ารักดี จะเมินใส่กันทำไมนะ ผมคิดเรื่อยเปื่อยจนหวังหยวนเรียก 


“เมื่อกี้ใช้ได้มั้ยครับ?” ตายละ...ไม่ได้ดู


“ลองอีกครั้งนึง” ผมบอก คราวนี้สายตาจับจ้องอยู่ที่หวังหยวน เขาตั้งท่าแล้วค่อยๆหมุนสะโพก...เออ....สวยแล้ว อืม พริ้วดี ทำไมเอวเล็กแบบนี้นะ......เชี่ย....ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย
 

“โอเคแล้ว เก่งนะเรา ไหนลองเปิดเพลงเต้นดีกว่า เอาเหมือนเมื่อกี้นะ แค่กรอไปก่อนหน้า10วิ” หวังหยวนพยักหน้า ผมทำหน้าที่ไปกรอเพลงแล้วกดเล่น หวังหยวนตั้งท่า พอถึงช่วงหมุนสะโพกเขาก็หมุนเลย...กลายเป็นว่าหมุนดีแต่จับจังหวะไม่ได้ ผมลืมบอกเขาไปว่าตอนที่ทำแบบไม่มีจังหวะมันก็จะง่ายกว่าเปิดเพลงอยู่แล้ว อะไรมันก็ดูง่ายหมดน่ะแหละถ้ายังไม่ได้ทำจริง  


“หวังหยวน จับจังหวะเพลงให้ได้ อีกครั้งนึงนะ” ผมกรอกลับไปแล้วกดเล่นเพลงใหม่ หวังหยวนก็ยังทำไม่ได้ เขาหมุนหลุดจังหวะไปหมด “โอเค มา พร้อมกันเลยดีกว่า” ผมเดินกลับไปกรอเพลง10วิ แต่ครั้งนี้เดินไปหาหวังหยวน เมื่อใกล้จะถึงผมเดินไปช้อนหลังเขาด้วยความรวดเร็วพอที่จะเต้นท่าต่อไปได้เลย ตั้งท่าเหมือนเขาทุกกระบวนท่า ล่อแหลมมาก... หวังหยวนถึงกับหยุดเต้นแล้วสะดุ้ง


“กะ...เกอครับ” 


“โทษที แต่เอาแบบนี้แหละ จะได้จับจังหวะได้ พร้อมนะ” หวังหยวนกลั้นหายใจแล้วพยักหน้า ผมก็ใจตุ้มๆต่อมๆ ใครมาเห็นเข้าคงโดนตราหน้าบ้างล่ะ ผมเดินไปกรอเทปอีกครั้ง เมื่อถึงท่าหมุนผมช้อนตัวด้านหลังหวังหยวนที่ไม่ได้ตกใจเหมือนทีแรก ตาเขามองกระจกดูที่ตัวเองเต้น ผมจับสะโพกของเขาไว้แล้วบังคับให้เป็นจังหวะตามที่ผมกำลังหมุนอยู่ ผมกลืนน้ำลาย ท่ามันล่อแหลมมากจริงๆ ยิ่งหวังหยวนจับจังหวะไม่ได้มากเท่าไหร่ ผมจำเป็นต้องจับสะโพกเขาเอาไว้แน่นบังคับให้เป็นไปตามท่าที่ถูกต้อง


“หวังหยวน พอจะจับจังหวะได้หรือยัง”


“เอ่อ....ผมขอลองเต้นเองก่อนดีกว่า” หวังหยวนพูดเสียงเบา ผมพยักหน้าแล้วเดินไปเปิดเพลง เปิดตั้งแต่แรกที่เพลงขึ้น หวังหยวนตั้งท่าใหม่ 


ผมว่าแก้มน้องแดงนะ หึหึ 


ผมเปิดฝาขวดน้ำ แม้กระทั่งตอนยกชวดน้ำขึ้นดื่มก็ไม่ยอมให้สายตาตัวเองละไปจากภาพตรงหน้า บอกตรงๆว่านั่งดูหวังหยวนเต้น...เคลิ้มมาก บอกไม่ถูกว่ารู้สึกแบบไหน อาจจะเป็นเพราะว่าผมชอบเต้นอยู่แล้วด้วย....เออ....เออ....ไม่จริง ผมโกหกตัวเองจริงๆแล้วผมชอบดูหวังหยวนเต้นต่างหาก ให้ไปดูผู้ชายตัวเท่าควาย(แบบผม)เต้นก็คงไม่เอาด้วย ขนลุกว่ะ...


“ผมเต้นได้แล้ว!


“...” 


หมับ


“ไปเต้นพร้อมกันนะครับ” ผมยิ้ม ลุกขึ้นยืนตามแรงดึงเบาๆของคนตัวเล็กกว่า ผมคิดว่าตัวเองคงจะคิดไปเองว่าเวลามันช้าลง เมื่อกี้ยังนั่งดูน้องอยู่เลย ทำไมอยู่ๆสัมผัสนุ่มนิ่มถึงมาจับจูงที่มือผมซะแล้ว 


เราเต้นด้วยกันสองรอบ แล้วผมก็ปล่อยให้หวังหยวนไปแกะท่าที่เหลือต่อ มันคงไม่ยากเท่าไหร่แล้ว พรุ่งนี้เราสองคนก็จะอัดรายการด้วยกัน ผมส่งยิ้มเล็กๆให้คนตัวเล็กที่หันหน้ามายิ้มให้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นแทบจะไม่อยากคุยกับผมเลยด้วยซ้ำ เขาคงแค่ไม่อยากคุยกับผมตัดปัญหาอะไรพวกนั้นมากกว่า หวังหยวนวางขวดน้ำลงแล้วเดินไปเปิดเพลงอีกรอบ ผมไม่ได้ไปเต้นกับหวังหยวนต่อแล้ว แต่ก็นั่งดูเขาซ้อมหลายรอบจนเขาเลิกซ้อม เราไปกินข้าวเย็นด้วยกัน สักพักผู้จัดการน้องก็มารับ ผมโบกมือให้เขา พร้อมกับพูดต่อเบาๆในใจ 


แล้วเจอกันนะ 

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
I am a good boy. 
แล้วเจอกันใหม่นะ