29 กันยายน 2558

[OS] แมว (ver.อารองx?)

{อู๋เอ้อร์ไป๋xเซี่ยเหลียนหวน}
Rate NC-15


{อู๋เอ้อร์ไป๋xเซี่ยเหลียนหวน}

อู๋เอ้อร์ไป๋วางมือถือลงกับโต๊ะทำงานแล้วยกข้อมือดูนาฬิกาที่บอกเวลาราวสี่ทุ่มเศษ

อู๋เสียยังไม่กลับมา
เดิมทีอู๋เสียไม่ค่อยจะหายไปไหนโดยไม่บอกกล่าว ถ้าเขาติดธุระหรือมีงานเขาจะโทรมาบอกก่อนเสมอ แต่ไม่ใช่กับวันนี้

เพราะเจ้าหลานชายของเขากลับหายไปเสียเฉยๆ จะคิดว่าแบตมือถือหมดแต่จนป่านนี้ก็คงจะใช้ของเพื่อนโทรบอกเขาแล้วถ้ามันหมดจริงน่ะนะ

ตัดสินใจคว้ากุญแจรถออกไปตามหาน่าจะดีกว่า  

นึกย้อนไปเมื่อสามปีที่แล้ว อู๋เสียสอบติดมหาวิทยาลัยที่ดันอยู่ไกลบ้าน พี่ใหญ่จึงให้ลูกชายคนเดียวของตัวเองมาอยู่กับเขาซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกับที่มหาลัยอู๋เสียเรียนอยู่ หน้าที่ดูแลหลานชายจึงตกเป็นของเขา ซึ่งพี่ใหญ่ก็ดูจะไม่ได้ห่วงใยลูกชายตนเองสักเท่าไหร่ เหตุผลนั่นอาจเป็นเพราะอยู่ในความดูแลของเขาและอู๋เสียก็เป็นผู้ชายด้วย

และเพราะเหตุนี้ เมื่ออู๋เสียหายไปจึงต้องเดือดร้อนต้องออกไปหา จะรอให้ครบ24ชั่วโมงก็คงจะเกินไปหน่อย

ยังไม่ทันจะก้าวออกจากบ้าน เสียงหักของกิ่งไม้ที่ดังมาจากในสวนพลันทำให้ขาชะงัก เขายืนนิ่งฟังเสียงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินอะไรที่ผิดปกติจึงก้าวออกจากบ้านแต่ทว่า

แคร๊ง ตุบ

คราวนี้เขาหยุดชะงัก มีบางอย่างอยู่บริเวณสวนหลังบ้าน เสียงนั่นมันคือคานเหล็กที่เขาเพิ่งให้คนสวนไปปักดามต้นไม้ไว้ มีบางสิ่งตกลงมากระแทกมัน

อู๋เอ้อร์ไป๋ลังเล จะเดินไปดูหรือออกไปตามหาอู๋เสีย แต่ลึกๆเขากลับคิดว่าเจ้าหลานชายจะปลอดภัย เห็นแบบนั้นเอาตัวรอดเก่งน้อยเสียเมื่อไหร่

เมื่อตัดสินใจแล้ว จึงสอดกุญแจรถใส่กระเป๋ากางเกง ค่อยๆเดินเลียบไปทางระเบียงเข้าทางเดินไปสู่สวน อู๋เอ้อร์ไป๋ยังไม่สังเกตถึงความผิดปกติ ฝ่าเท้าย่ำเบาไปตามทางเดินมืดสนิท ก่อนจะย่ำลงบนผืนหญ้า  สายตาคมมองปราดไปในความมืด เมื่อสายตาปรับแสงได้ทำให้มองเห็นบริเวณสวนได้ลางๆจากแสงไฟ

ตรงใกล้ๆพุ่มไม้นั่น มีบางอย่างอยู่ตรงนั้น อู๋เอ้อร์ไป๋ค่อยๆย่ำเท้าเข้าไปพลางคิดในใจว่าจะเป็นขโมยหรือ เมื่อใกล้จะถึงบริเวณพุ่มไม้นั่นเขาก็อ้อมไปอีกฝั่ง ถ้าเป็นขโมยเจ้านั่นไม่มีวันรอดถึงมือตำรวจแน่นอน

เมื่อเดินอ้อมไปถึง ก็ต้องเลิกขึ้นน้อยๆด้วยความปะหลาดใจ

เขายืนนิ่งมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า สังเกตอยู่ครู่หนึ่งพลางเงยหน้ามองไปยังกิ่งไม้ที่หักคาลำต้นอยู่ ถัดมาเป็นคานเหล็กที่เชื่อมต่อกันเป็นโครงดามต้นไม้ไว้ พลันคิดในใจถึงความเป็นไปไม่ได้บางอย่าง

เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าสิ่งนี้น่ะหรือ จะทำกิ่งไม้นั่นหักลงมา

ก็เจ้านี่เป็นเพียงแมว

แมวสีดำตัวขนาดเท่าแมวทั่วไป มันนอนนิ่งมีเพียงหางที่สะบัดไปมา อู๋เอ้อร์ไป๋คิดว่ามันน่าจะตกลงมาจากต้นไม้นั่น  เสียงที่ดังแคร๊งคงจะเป็นกรงเล็บของมันที่พยายามหาที่ยึด แต่ดันไม่อยู่เลยตกลงมา ถึงแม้ว่าจะไม่เชื่อในเดิมทีก็ต้องคิดแบบนี้ไปก่อน

สองขาก้าวเข้าไปหาเจ้าแมว ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่ได้มีเพียงแค่มันที่อยู่ตรงนี้ อู๋เอ้อร์ไป๋ยื่นมือเข้าไป พลันม่านตาสีดำนั่นหดลงคล้ายกับสัตว์ที่กำลังจะออกล่า เขี้ยวเล็กๆโผล่ออกมาพร้อมกับส่งเสียงครางต่ำมาให้เขา

อู๋เอ้อร์ไป๋ไม่ได้สนใจท่าทีข่มขู่นั่น ถึงอย่างไรเขาก็ต้องจับมันโยนออกนอกบ้านอยู่ดี สองมือกำลังจะสอดเข้าตั้งท่าจะอุ้มพลันเจ้าแมวกลับตวัดกรงเล็บใส่หลังมือเขาเต็มๆ อู๋เอ้อร์ไป๋ชักมือกลับมา ความแสบจากบาดแผลทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย ฝืนสอดมืออุ้มเจ้าแมวนั่นกะจะโยนข้ามรั้วออกไป แต่เสียงครางของสิ่งมีชีวิตในอุ้งมือเขาทำให้ต้องหยุดความคิดนั้นไป

"ม๊าว ....ม๊าววว ...."

เมื่อลองขยับมือตรงขาหน้า เจ้าแมวก็ร้องแง๊วๆเสียงครางเครือและพยายามดึงขาที่เขาจับออก 'กระดูกขาหักสินะ' เขาคิดในใจ ขยับมือเลื่อนออกจากส่วนที่หักไปอุ้มอีกที่

"เจ็บก็อยู่นิ่งๆ ฉันไม่ทำอะไรหรอก"

สิ้นสุดเสียงที่เอ่ยบอก เจ้าแมวก็หยุดเคลื่อนไหว สร้างความประหลาดใจเล็กน้อยให้คนที่ยังอุ้มมันอยู่ สายตาเรียบเฉยจ้องมองเข้าไปในดวงตาของมัน มันสบตากับเขาแวบหนึ่งก่อนจะหันหนีไป อู๋เอ้อร์ไป๋จึงตัดสินใจเดินเข้าบ้านเพื่อไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อน

เมื่อมาถึงในบ้าน แสงสว่างที่มีมากพอที่จะทำให้อู๋เอ้อร์ไป๋สังเกตเจ้าแมวในอ้อมแขน ตัวมันมีสีดำทั้งตัว ตามลำตัวมีคราบโคลนทั้งใหม่และเก่าเกาะเกราะกรังดูสกปรก เขาเดินขึ้นไปที่ห้องนอน เข้าไปและวางมันไว้ที่โต๊ะทำงาน คิดว่าคงต้องปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยพาไปหาหมอ

ขณะออกมาเอากล่องปฐมพยาบาล นาฬิกาที่บอกเวลาว่าเกือบจะ5ทุ่มแล้ว ไฟในห้องรับแขกเปิดอยู่ อู๋เสียคงกลับมาแล้ว เห็นทีต้องถามอย่างจริงจังว่าไปไหนทำไมถึงได้กลับดึกดื่นแล้วยังไม่โทรมาบอกอีก
"อารอง...."

เมื่อเดินออกมาถึงห้องรับแขก เสียงหลานชายก็ดังขึ้น

"จะไปไหนทำไมไม่บอก" เสียงที่นิ่งติดจะดุเอ่ยถาม

"ผม...แบตมือถือผมหมด ของเพื่อนก็หมด พวกเราทำงานเลยเวลากันนิดหน่อยน่ะครับ ขอโทษนะครับที่ลืมบอก..."

"แล้วปากไปโดนอะไรมา"

"อะ...เอ้อ เปล่านี่ครับ"

อู๋เสียโกหก

อู๋เอ้อร์ไป๋เงียบไปครู่หนึ่งคิดว่าอู๋เสียคงมีเหตุผล เขาไม่เคยโกหกได้แนบเนียนเลย เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงไม่ซักไซร้อะไรต่อ

"อารอง มือไปโดนอะไรมาครับ?" อู๋เสียที่สังเกตเห็นรอยแดงเป็นขีดบนหลังมือของอู๋เอ้อร์ไป๋ถามขึ้น

"ไม่มีอะไร แกขึ้นไปพักผ่อนไป กินอะไรมาแล้วใช่มั้ย"

"ครับ กินมาแล้ว งั้นผมไปอาบน้ำแล้วนะครับ ฝันดีครับอารอง"

เขาพยักหน้า ก่อนที่อู๋เสียจะเดินเลี่ยงขึ้นชั้นบนไปและเขาก็ไปหากล่องพยาบาล ยกมือข้างที่มีแผลขึ้นมาดูที่ลืมไปเสียสนิท

เมื่อย้อนกลับมาที่ห้องพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลในมือ ก็เห็นเจ้าแมวนอนลืมตามองเขาอย่างเงียบเชียบ อู๋เอ้อร์ไป๋เหลือบตามองก่อนจะนั่งลงตรงหน้ามัน ค่อยๆยืนมือพลิกตัวเจ้าแมวไปอีกด้าน เมื่อพลิกมาอีกด้านแล้วก็แตะมือเบาๆลงที่ขาข้างที่มันเจ็บ เจ้าแมวถดขาหนีทันที จนเขาต้องพูดให้อยู่เฉยๆแค่จะทำแผลให้ชั่วคราวเท่านั้น พรุ่งนี้ถึงจะพาไปหาหมอเป็นเรื่องเป็นราว หายแล้วจะได้ปล่อยไป เจ้าแมวก็นิ่งไปทันทีอีกเช่นเคย มือที่ค่อยๆใช้ผ้าพันเฝือกประกบที่ขาเจ้าแมวพลางคิดในใจ  เจ้านี่ฟังภาษาคนรู้เรื่องหรือ

หรือว่าจะเป็นแมวเลี้ยง

ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเหตุใดจึงหนีมาแบบนี้ เมื่นพันแผลไว้หลวมๆจนเสร็จก็หันไปมองตาของเจ้านั่นอีกครั้ง แววตาสีเหลืองอ่อนสุกใสนั่นจ้องเขากลับมาเช่นกัน ก่อนมันจะร้อง ม๊าว เหมือนจะเอ่ยขอบคุณ

-------------------------------- ---- --

"น้องแมวตัวสีดำใครเป็นเจ้าของคะ" เสียงพยาบาลที่ออกมาเรียกหน้าห้องทำให้ผู้ที่นำสัตว์มารักษาหันไปมองเธอ อู๋เอ้อร์ไป๋ลุกขึ้นแสดงตัว
"ผมเองครับ"

"เอ่อ เชิญด้านในค่ะ คุณหมออยากสอบถามนิดหน่อยน่ะค่ะ" อู๋เอ้อร์ไป๋พยักหน้าก่อนจะเดินตามพยาบาลสาวเข้าไป

"ค่ะ จากการตรวจเอกซเรย์กระดูกของเขาดู ขาหน้าด้านซ้ายของเขาหัก ชายโครงด้านขวาร้าว กระดูกข้อต่อขาหลังเลื่อน ซึ่งขาหน้าที่หักฉันใส่เฝือกรักษาให้เขาแล้ว ส่วนตรงชายโครงจะหายไปเองใช้เวลาราวสองอาทิตย์ค่ะ"

"แต่ตรงข้อต่อขาหลัง ฉันเอกซเรย์แล้ว รักษาให้แล้วแต่หลังจากคุณพาเขากลับไปคุณต้องดูแลเขาให้ดีนะคะ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ร่างกายเขาเป็นได้ขนาดนี้ ต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก ร่างกายเขาอ่อนแอและบอบช้ำมากค่ะ โอเคนะคะ"

อู๋เอ้อร์ไป๋พยักหน้าเล็กน้อย เสียงเรียบนิ่งของหมอสาวแฝงไปด้วยความตำหนิเขาอยู่ไม่น้อย สายตาที่มองเขาอยู่นั่นคงไม่พ้นคงคิดว่าเขารังแกเจ้าแมวนี่สินะ  หลังจากนั้นก็รออยู่สักพักใหญ่ จ่ายเงินรับยา ขบคิดเรื่องเจ้าแมวนี่ขณะขับรถกลับบ้าน

อย่างน้อยก็คงต้องรอให้หายก่อนนั่นแหละถึงจะปล่อยไปได้ ช่างเถอะ แค่แมวตัวเดียว คงไม่ลำบากอะไรเท่าไหร่หรอก

เมื่อขับรถเข้ามาจอดในตัวบ้าน เขาก็หันไปมองแมวสีดำที่ตอนนี้เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ขนสีดำนั่นเงาวับคล้ายกับว่าถูกดูแลมาเป็นอย่างดี เมื่อสังเกตดีดีเจ้านี่ไม่ได้ดำไปหมดทั้งตัวหรอก ตรงช่วงอกมีสีขาวแซมขึ้นมาหน่อยหนึ่ง เป็นจุดเดียวในตัวที่มีสีขาว มันนั่งสงบเสงี่ยมอยู่บนเบาะรถอีกฝั่ง อู๋เอ้อร์ไป๋นึกย้อนไปเมื่อคืนก่อน ความสงสัยของเขาไม่ได้จางหายไปไหน รอยหักของกิ่งไม้นั่นดูยังไงแมวตัวแค่นี้ก็ไม่สามารถทำได้

มันเหมือนกับรอยหักที่เหมือนมีอะไรไปเหยียบกิ่งของมัน แล้วกิ่งนั่นรับน้ำหนักไม่ไหวต่างหาก

อู๋เอ้อร์ไป๋เปิดประตูรถออกมาก่อนจะอ้อมไปอีกฝั่งเปิดประตูก่อนจะอุ้มเจ้าแมวสีดำเข้าบ้าน เขาเดินขึ้นไปที่ห้องนอนตนเองก่อนจะเอาเจ้าแมวไว้ที่นั่น

“ขาหักรู้ใช่ไหม” อู๋เอ้อร์ไป๋นั่งชันเข่าลงตรงหน้าเจ้าแมว ปลายนิ้วจิ้มจมูกมันเบาๆ มันหันขวับกลับมาร้องม๊าวใส่เขา “อยู่เฉยๆเข้าใจไหม ถ้าฟังฉันเข้าใจก็คงได้ยินหมอก็บอกแล้วนี่”  เขาพูดไว้แค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องไปห้องทำงาน  รอยยิ้มมุมปากหยัดขึ้นเล็กน้อย

เป็นอย่างที่คิดจริงๆนั่นแหละ

……………………………………………………………

คล้อยหลังที่อู๋เอ้อร์ไป๋ออกจากห้องไป  เจ้าแมวสีดำที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น พลันลำแสงสีอ่อนจางๆวนรอบตัวของมันอยู่ครู่หนึ่ง ลำแสงนั่นสว่างจ้าเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆจางหายปรากฏร่างชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่แทน

เรือนกายขาวเปลือยเปล่าที่นั่งอยู่บนเตียงค่อยๆก้าวขาลงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเจ้าของห้อง คว้าเอาเสื้อสักตัวในตู้นั่นมาสวมปิดร่างกายตนเอง ตอนอยู่ในร่างแมวก็สะดวกดีอยู่หรอก แต่พอกลับเป็นมนุษย์เมื่อไหร่เสื้อผ้าก็จะหายไป ใบหน้าขาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อเห็นสภาพตัวเองในกระจกก็แทบจะร้องลั่น

แย่แล้ว ทำไมหูฉันแม่งไม่หายไปเนี่ย มันทำไมถึงหายไปแต่หางล่ะ….

มือขาวๆนั่นติดกระดุมเสื้อลวกๆอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย  เอื้อมมือไปจับหูแมวสีดำที่งอกอยู่บนหัว ลองดึงๆดูก็เจ็บเหมือนดึงหูตัวเอง  นี่ฉันมีหูของมนุษย์ แล้วก็ยังมีหูของแมวอีกเรอะ เออช่างหูมันเถอะเดี๋ยวก็คงหายไปเองแหละ เรือนผมสีดำสนิทที่เหมือนกับสีขนยามที่ร่างเป็นแมว เพิ่งจะสังเกตว่าเสื้อมันใหญ่จนเลยไปถึงต้นขา ก็เจ้าของมันตัวใหญ่กว่าเขาตั้งเยอะ จะไม่ให้เสื้อตัวใหญ่ได้ยังไง

เอาเถอะ ถึงอย่างไรเขาคงไม่มีทางรู้หรอกว่าเรามีสองร่าง แค่ยืมเสื้อมาใส่ตัวสองตัวก็คงไม่รู้หรอกมั้งว่ามันหายไป ก็เสื้อมีตั้งเยอะในตู้นี่นา

มองแขนตัวเองที่มีเฝือกห่อหุ้มอยู่แล้วนึกย้อนไปเมื่อคืนก่อน  ทั้งที่แค่จะมาแอบอยู่บนต้นไม้นั่นแท้ๆ เจ้ากิ่งไม้นั่นก็ทำไมถึงได้อ่อนเปลี้ยขึ้นมาตอนนั้น เสียชาติเกิดต้นไม้จริงๆ กินตั้งเบ้อเริ่มดันมาหักตอนเขาเหยียบลงไปเสียเต็มที่เสียได้ ตอนตกลงมาก็เปลี่ยนร่างเป็นแมวแล้ว แต่ขากับแขนดันไปฟาดกับโครงเหล็ก ไม่คิดว่าจะต้องเจ็บจนแขนหักกระดูกร้าว นี่ถ้าอยู่ในร่างมนุษย์ฉันคงหัวฟาดเหล็กนั่นตายไปแล้ว แต่ก็ดีตรงที่เขาหนีรอดมาได้ เจ้าพวกนั้นพอถึงรั้วบ้านหลังนี้ ต่างก็พากันหยุดแล้วถอยห่างออกไปไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด  

แต่เอ ...นึกไม่ออกว่าเคยเห็นตาดุๆนั่นที่ไหน ไอ้นิสัยนิ่งๆที่ดูฉลาดนั่นก็ด้วย สายตาที่มองเข้าไปก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แล้วเมื่อกี้ก็ยังมาจิ้มจมูกคนอื่นเขาอีก

เออ….ช่างเถอะ

เซี่ยเหลียนหวน เดินดูนั่นดูนี่ไปรอบห้อง มือจับขึ้นมาดูแล้วก็วาง เมื่อเดินไปถึงกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานเพ่งมองดีดีก็รู้สึกตัวชาวาบ  ในรูปมีผู้ชายสามคนยืนอยู่ด้วยกัน คนกลางยิ้มกว้างสดใส คนด้านขวาที่ตัวสูงพอพอกับคนตรงกลางนั่นสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้บอกว่าคิดอะไรอยู่ แต่ให้ความรู้สึกว่าเขากำลังมีความสุข ส่วนคนสุดท้าย ตัวพอพอกับเขา ใบหน้างอง้ำไปทางคนฝั่งขวา คนตรงกลางที่ยิ้มกว้างมาทางกล้อง แขนยาวขของเขาพาดอยู่ที่คอของคนทั้งคู่ข้างกาย

นี่มันสามพี่น้องสกุลอู๋!

ตายห่า แล้วนี่ฉันมาอยู่กับ…..

"ไง คนสกุลเซี่ยเลี้ยงแมวจริงๆสินะ"

“!!!”

เสียงด้านหลังทำให้เซี่ยเหลียนหวนสะดุ้งสุดตัว มือไม้เย็นไปหมดจนเหงื่อเริ่มซึม เขายังไม่ได้หันหน้าไป สมองประมวลผลคิดหาทางหนี แต่จะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อแขนและร่างกายยังเป็นเช่นนี้ ถึงหนีก็หนีไม่รอด แต่…

วาบ…. “ม๊าว”

หมับ!

"อยู่ในสภาพแบบนั้นยังคิดจะหนีอีกนะ" อู๋เอ้อร์ไป๋ก้าวฉับเข้ามาคว้าตัวเจ้าแมวสีดำตรงหน้าไว้อย่างรวดเร็ว คิดไว้แล้วเชียวว่าอีกคนต้องคิดหนี เจ็บขนาดนี้แท้ๆ

เมื่อถูกจับจนขยับไม่ได้เจ้าแมวจ้องกลับมาเขม็ง ร้องม๊าวๆใส่อู๋เอ้อร์ไป๋ราวกับไม่พอใจ “ม๊าวๆ...”

"เปลี่ยนร่างมาคุยกับฉัน ไม่ต้องจะหนี ถ้าเธอทำอย่าหาว่าฉันไม่เตือน" พูดจบก็วางเจ้าแมวลงบนเตียง มันไม่ได้ขยับไปไหนแต่ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนร่างซึ่งอู๋เอ้อร์ไป๋คิดว่าช่างน่าหงุดหงิดเหลือเกิน “จะลองดีกับฉันหรือ เสี่ยวเหลียน”  เจ้าแมวเงยหน้ามองเขาทันที มันร้องม๊าวใส่เขารอบหนึ่งราวกับตกใจในสรรพนามที่ใช้เรียกก่อนจะเบนสายตามองไปยังเสื้อสีขาวที่ตกอยู่ที่พื้น นั่นทำให้อู๋เอ้อร์ไป๋เข้าใจในทันที

“ฉันจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว เปลี่ยนร่างมาคุยกับฉัน” เขาก้มหยิบเสื้อขึ้นมายื่นมาไปตรงหน้าเจ้าแมว “เดี๋ยวนี้”

พูดจบพลันลำแสงสว่างวาบ ทำให้อู๋เอ้อร์ไป๋หรี่ตาลงเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งเสื้อในมือก็ถูกดึงไปอย่างรวดเร็วก่อนที่แสงจะค่อยๆจางลงและหายไป  

บนเตียงนั่น..ปรากฏเป็นร่างของใครคนหนึ่ง เรือนผมสีดำสนิทของเขาที่มี..หูแมว? เจ้าตัวกำลังติดกระดุมเร็วๆจนติดไม่ตรงล็อกของมัน อู๋เอ้อร์ไป๋เผลอไล่สายตามองผิวกายขาวๆ ดูเหมือนทั้งเนื้อทั้งตัวจะมีแค่เสื้อตัวใหญ่ๆที่ปิดอะไรต่อมิอะไรไว้

“พี่มันขี้แกล้ง!” เสียงที่ตะโกนด่ามาทำให้อู๋เอ้อร์ไป๋ได้สติ

“อธิบายเรื่องทั้งหมดมา อย่าโกหกฉัน ไม่งั้นฉันจะส่งเธอกลับบ้านไปหรือไม่งั้นฉันจะใช้วิธีของฉันเอง”

เซี่ยเหลียนหวนหน้าตึงขณะฟังจบ เหลือบตามองอีกคนที่ยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องที่มองมาด้วยสายตาดุๆ ในขณะนี้เขาจำได้แล้วว่าไอ้สายตานี่คุ้นเคยจากที่ไหน เขาคืออารองของอู๋ซันเสิ่งเพื่อนสนิทของเขา ที่ตอนนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเพราะเจ้านั่นมันอยู่ที่ไหนไม่รู้ จำได้เมื่อครั้งยังเด็กตอนไปรออู๋ซันเสิ่งไปโรงเรียนพร้อมกัน เขาจะพบเจอสายตานิ่งๆดุๆนี่ทุกครั้งที่ไปบ้านเจ้านั่น พี่รองเป็นคนตาดุและเงียบทำให้ไม่กล้าคุยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“...ฉัน...หนีมา” เซี่ยเหลียนหวนตอบเสียงเบา

"...."

"หนีลูกน้องของพ่อมา ถ้าพี่จะถามว่าทำไมฉันหนีมาไกลถึงที่นี่เพราะฉันออกจากบ้านมาแล้วเป็นอาทิตย์แล้ว อุตส่าห์มาไกลขนาดนี้ยังจะมีคนมาเจออีก..."

"พ่อฉันรู้มาแต่ตั้งแรกแล้วว่าฉันเป็นแบบนี้  เขาบอกว่าไหนๆ ฉันก็เป็นไปแล้วเลยจะเอาฉันไปให้พวกคว่ำกรวยกลุ่มหนึ่ง แลกกับเลือดกิเลน ฉันโกรธพ่อมากและถามว่าทำไมต้องเอาฉันที่เป็นลูกในไส้ไปแลกกับไอ้ของที่มีค่าแค่นั้น ฉันโดนพ่อตบมาทีหนึ่งแล้วเราก็ทะเลาะกัน ซึ่งฉันไม่รู้ว่าไอ้พวกนั้นจะเอาฉันไปใช้ประโยชน์อะไร บ้าที่สุด พอฉันถามก็ไม่มีใครตอบ....งี่เง่าสิ้นดี"

"ถ้าพี่จะส่งฉันกลับฉันขอล่ะ ให้ฉันออกไปดีดีเถอะ ส่วนไอ้เรื่องบ้านนี้เป็นของพี่ฉันไม่เคยรู้ ปกติพวกตระอู๋ก็อยู่ที่หังโจวนี่ ไม่ใช่หรือ? อะไรทำให้บังเอิญขนาดนี้เนี่ย"

ประโยคสุดท้ายแผ่วลง เซี่ยเหลียนหวนหันมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตาอู๋เอ้อร์ไป๋ ซึ่งเขาก็รู้ว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก ก็โกหกอยู่เรื่องเดียวคือเลือดกิเลน แค่เลือดกิเลนจะต้องเอาคนไปแลกทำไม เซี่ยเหลียนหวนรู้แต่รู้มาไม่หมดเท่านั้นเอง ถึงแม้สองตระกูลจะไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกัน แต่ถ้าไม่มีธุระก็จะไม่ข้องเกี่ยวกันอยู่แล้ว เพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของกันและกัน

“ฉันจะไม่ส่งเธอกลับไป” เซี่ยเหลียนหวนเงยหน้าขึ้นมามองอู๋เอ้อร์ไป๋ทันที รอยยิ้มค่อยๆเผยขึ้นก่อนจะหุบลงด้วยประโยคต่อไป "อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ส่งกลับไป"

“....” อู๋เอ้อร์ไปแอบยิ้มเมื่ออีกใบหน้างอหงิก แอบเห็นหูบนหัวนั่นขยับนิดหน่อยด้วย

"หูนั่นมันไม่หายไปหรือ"

"หา? อ้อ นั่นสิ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน" แววตาคนที่นั่งเงียบอยู่บนเตียงฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนมือข้างที่ไม่เจ็บจะเอื้อมมือไปจับๆคลำๆที่หูตัวเองโดยที่ไม่รู้ว่าสายตาอีกคนคอยจับจ้องอยู่ แขนที่ยกขึ้นไปนั่นเผยผิวขาวบริเวณหน้าท้องวับๆแวมๆ กระดุมเสื้อที่ติดแบบลวกๆนั่นเว้าเล็กเว้าน้อยจนเห็นผิวเนื้อด้านใน

ใบหน้าขาวที่กำลังขมวดคิ้วนั่นก็ ..ทำไมช่างน่าดูเหลือเกิน  

“นี่ มีเสื้อผ้าให้ฉันไหม”

"...."

"พี่เอ้อร์..."

"...." อู๋เอ้อร์ไป๋รู้สึกว่าอะไรขาวๆนั่นเคลื่อนที่ได้ มันกำลังขยับเข้ามาใกล้เขา
"พี่เอ้อร์" มันมาหยุดตรงหน้าเขาพร้อมกับขยับร่างขาวๆไปมา ... กลิ่นหอมอะไรสักอย่างที่โชยมาจางๆจากวัตถุสีขาวตรงหน้า อู๋เอ้อร์ไป๋โน้มหน้าลงไปหาสิ่งนั้น ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นหอมยิ่งเข้มข้นขึ้น

"พะ...พี่...อะเจ็บ"
มือขาวๆนั่นยกขึ้นดันไหล่ เสียงร้องเบาๆทำให้อู๋เอ้อร์ไป๋หลุดออกจากภวังค์ทันที

พบดวงตาที่กระพริบปริบๆมองเขาอยู่ ใบหน้าที่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน คนตรงหน้าเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย เพราะเหมือนเขาจะโน้มตัวลงไปหา มือข้างหนึ่งจับอยู่ที่ไหล่เขา สายตาคมมองสบตาเพียงเสี้ยววินาทีถึงได้ผละออกห่าง ก่อนจะเดินหันหลังออกจากห้อง ปล่อยให้อีกคนยืนงงอยู่คนเดียว

อะไรของพี่เนี่ย...

อู๋เอ้อร์ไป๋เดินไปที่ห้องทำงาน เมื่อเข้าไปในห้องเขายืนนิ่งๆอยู่กลางห้องครู่หนึ่ง นึกถึงใบหน้าขาวๆกับปากแดงๆนั่นที่ทำให้เขาปั่นป่วนได้ขนาดนี้ เรือนกายขาวนั่นทำไมทำให้เขาอยากสัมผัสนักหนา ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือว่าจะจริงเรื่องนั้น

....ที่เสี่ยวเหลียนต้องไปกับไอ้พวกเดนนรกนั่น เพราะเขามีประโยชน์เช่นนี้ แต่ตระกูลเซี่ยนั่นก็ปล่อยให้พวกเขาทำอะไรแบบนี้จริงๆหรือ หรือว่าจะไม่มีใครรู้ และข้อแลกเปลี่ยนอาจจะไม่มีแค่นั้น แต่ไอ้สิ่งนี้…ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้เสียเมื่อไหร่

อู๋เอ้อร์ไป๋สงบสติอยู่ในห้องครู่หนึ่ง ก็ได้รับโทรศัพท์จากอู๋เสียว่าจะค้างบ้านเพื่อน เขาบอกว่าโปรเจคเร่งส่งเกรงจะทำไม่ทัน เขาไม่ได้ถามเซ้าซี้หลานชายไป เพียงแต่กำชับให้ดูแลตัวเองและวางสายไป

เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงพลบค่ำ ก็เดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านไปที่ห้องนอน คิดว่าจะเรียกคนที่เคยเป็นแมวให้ลงมากินข้าวด้วยกัน แต่เสียงจากในห้องที่เงียบสนิททำให้เขาไม่ตัดสินใจส่งเสียงออกไป ในหัวก็คิดว่าอาจจะหนีไปแล้วก็ได้

เมื่อเปิดประตูเข้าไปสองขาเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียง กวาดสายตามองไปที่ร่างขาวๆตรงหน้าที่นอนหลับ แขนข้างที่ไม่เจ็บที่เจ้าตัวใช้มันนอนต่างหมอนทั้งที่หมอนก็มี เขายังใส่เสื้อตัวเดิม ซ้ำเสื้อนั่นยังเลิกรั้งขึ้นมาอีกเผยผิวขาวๆนั่นให้เยอะขึ้นอีก หูแมวบนศรีษะขยับเบาๆก่อนเจ้าตัวจะพลิกตัวไปอีกทาง ชายเสื้อก็ยิ่งร่นรั้งขึ้นไปเห็นอะไรต่อมิอะไรวับๆแวมๆ

ให้ตายเถอะ ฟีโรโมนนี่จะทำให้สติเขาแทบเลือนลาง  และก่อนที่จะหมดความยับยั้งชั่งใจ เขาตัดสินใจปลุกคนที่หลับอยู่ให้ตื่น ถึงกับหน้าตึงเมื่อคนที่เคยเป็นแมวทำนิสัยแมวใส่เสียแล้ว ปลุกยากปลุกเย็นเหลือเกิน

“ลุกขึ้นมา ฉันจะบอกว่าพ่อนายใช้นายแลกเปลี่ยนกับอะไร”

หูแมวเล็กๆหัวพลันขยับก่อนเจ้าตัวจะลืมตาลุกนั่งทันที “พี่รู้หรือ?”

เขาพยักหน้า “ก่อนอื่น ไปหาใส่เสื้อผ้าดีดี แล้วตามฉันลงมาข้างล่าง” ได้ยินเสียงขยับตัวลุกจากคนด้านหลัง ปลุกแมวว่ายากแล้วแต่หลอกแมวนี่ง่ายนิดเดียวเองนะ

“บอกมาสิ”

“...”

“นี่”

“...”

“พี่อะ...”

“กินข้าวก่อนไม่ได้หรือ”

………...............................................................................................................................................................................

หลังจากวันนั้น อู๋เอ้อร์ไป๋ก็ใช้ชีวิตเหมือนแบบปกติที่เพิ่มมาแค่มีอีกคนอยู่ด้วยตลอดเวลา เซี่ยเหลียนหวนก็ดูจะคุ้นเคยมากขึ้น แขนข้างที่ใส่เฝือกของเขาหายดีแล้วแต่ยังไม่ได้ไปเอาเฝือกออกและยังไม่อยากบอกอีกคนเท่าไรนัก เพราะว่าเมื่อกลัวว่าบอกไป คนคนนี้จะให้เขาไปอยู่ที่อื่น เขาต้องรู้ความจริงเรื่องนั้นให้ได้ก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วเหตุผลอาจจะมีมากกว่าการอยากรู้ความจริงก็เถอะ

“พรุ่งนี้ฉันจะพาไปเอาเฝือกออก” อู๋เอ้อร์ไป๋พูดขึ้นขณะเดินเข้ามาที่ห้องทำงาน เซี่ยเหลียนหวนที่นั่งก้มๆเงยๆอยู่กับเอกสารชุดหนึ่งเงยหน้าขึ้นมองอย่างเงียบๆ

“....”

“ทำหน้าแบบนั้นไม่อยากเอาออกหรือ ฉันรู้ว่าเธอหายดีแล้ว”

“ถ้าเอาออกแล้วพี่จะส่งฉันกลับบ้านหรือ?”

“...” อู๋เอ้อร์ไป๋หันไปมองหน้าคนที่ก้มพูดกับเขาเสียงเบา

“บอกเรื่องนั้นมาก่อนสิ…”

“ฉันบอกแล้วไงว่า...”

“พี่โกหก” เขาพูดแทรกขึ้นมา มองคนตรงหน้าที่เดินเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมจางๆจากตัว “บอกมาเถอะ ฉันไม่เป็นไรหรอก ถ้าพี่คิดจะให้ฉันออกไปจากที่นี่พี่ต้องบอกก่อน”

“...” อู๋เอ้อร์ไป๋ยืนช่างใจ มองคนตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย “ไอ้สิ่งที่เธอเป็นมันไม่ใช่จะไม่มีวิธีแก้ แต่วิธีแก้มันเป็นพันธนาการ”

เขาลุกยืนขึ้น ตัดสินใจจะบอกกล่าวเรื่องทั้งหมดกับคนตรงหน้า ที่เล่าไม่ใช่จะให้เขาไปอยู่ที่อื่น เรื่องอะไรที่เขาจะปล่อยคนที่ชอบมาตั้งนานไปไหนไกลตัวอีกล่ะ ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานนำไปที่โต๊ะรับแขกแล้วนั่งลง คว้าเอามืออีกคนที่กำลังจะไปนั่งฝั่งตรงข้ามให้มานั่งข้างๆตัวเองแทน และค่อยๆบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่แรก รวมทั้งสิ่งที่เขาไปสืบความจริงช่วงระยะเวลาที่เซี่ยเหลียนหวนหลบอยู่ที่นี่ด้วย

“ฉันไม่แน่ใจอยู่เรื่องเดียว ข้อตกลงระหว่างพ่อเธอกับกลุ่มพวกนั้น เกรงว่าจะไม่ใช่แค่สิ่งที่เธอรู้น่ะสิ ฉัน...”

เมื่อหันไปมองอีกที ใบหน้าขาวเปรอะเปื้อนคราวน้ำตา ดวงตามีน้ำตาคลอหน่วยพร้อมที่จะไหลออกมาอีก ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงปล่อยให้สายน้ำหยดลงที่มือตัวเอง ไร้เสียงสะอื้นและเสียงอื่นใดๆในห้อง มีแต่ความเงียบที่ปกคลุมเข้ามา อู๋เอ้อร์ไป๋ถอนหายใจ ขยับเข้าไปถึงร่างตรงหน้าเข้ามากอด เสี่ยวเหลียนไม่ได้ขัดขืน กลับซุกใบหน้าในอ้อมกอดอีกคนตัวจะสั่นไหวมากกว่าเดิม

ที่ฉันไม่อยากบอกเธอเพราะเหตุนี้

ผ่านไปราวชั่วโมงกว่าที่อู๋เอ้อร์ไปนั่งกอดและลูบผมคนในอ้อมกอดให้สงบนิ่ง พูดเสียงเบาใกล้ใบหูจนอีกคนใจเต้นผิดจังหวะ

“มันมีทางแก้อยู่”

“ยังไง… มันจะมีได้ยังไง...ฮึก… อย่าหลอกฉันอีกเลย” ใบหน้าขาวผละออกมาพูดเสียงตัดพ้อ

“พันธนาการ” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง “อย่างที่บอกไป ความเป็นแมวของเธอมันทำให้ฟีโรโมนในตัวเธอดึงดูดผู้คน แต่ พันธนาการที่ว่าจะทำให้ฟีโรโมนเหล่านั้นมีแต่กลิ่นอายของคนที่ทำมัน เมื่อตัวเธอมีแต่กลิ่นนั้น คนทั่วไปจะเห็นเธอเป็นแค่คนธรรมดาและไม่ได้สัมผัสถึงความดึงดูดนั่นอีก แต่คนที่ทำมันจะยิ่งรับรู้ได้เข้มข้นขึ้น พูดง่ายๆว่าเขาช่วยเธอแต่เขาจะได้รับความทรมานนั้นแทน เข้าใจที่ฉันพูดไหม”

“จริงหรือ? แล้วพันธนาการนั่นคืออะไร” เซี่ยเหลียนหวนเช็ดน้ำตาออก มองหน้าคนพูดอย่างตั้งใจฟัง

“....”

“!!!…” เมื่อมองสบตากับอีกคนที่สื่อความหมายมาชัดเจน ใบหน้าขาวพลันแดงเรื่อขึ้นมา ถึงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพอจะเข้าใจสิ่งที่อู๋เอ้อร์ไป๋แสดงออกมาบ้างแต่เขาก็ยังไม่เคยพูดอย่างจริงจังสักที

“บ้า....ไม่เอา… ถะ….ถ้าไม่ทำล่ะ” ก่อนจะหันหน้าไม่ยอมสบตากับคนพูด ใบหน้าร้อนแทบไหม้ จังหวะหัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาเมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปากอีกคนในประโยคต่อไป

“ฉันเองบางครั้งยังแทบแย่เมื่ออยู่ใกล้ๆเธอในบางที ช่วยเลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีจะได้ไหม”

................................................................................................................................................

เซี่ยเหลียนหวนนั่งเม้มปากหน้าแดงอยู่บนเตียง พลางคิดไปถึงเมื่อตอนที่คุยกันเรื่องนั้น ความเสียใจที่มีต่อบิดาของตนนั้นคล้ายจะถูกลืมเลือนไปชั่วคราว อดใจเต้นตึกตักไม่ได้ขณะที่เขากำลังพูด ตลอดเวลาที่ผ่านมามิน่าเขาถึงได้ไม่ชอบเข้าใกล้ อาจเป็นเพราะฉันเป็นผู้ชายเหมือนกัน หรือว่าฉันเจ็บแขนอยู่ พี่รองก็เลย…

บ้า….คิดอะไรของเราเนี่ย

เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องก็สะดุ้ง ก่อนที่เจ้าของห้องจะเดินเข้ามา สายตาเขาเหลือบมองคนที่นั่งเงียบเชียบอยู่ที่เตียง เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ อู๋เอ้อร์ไป๋ทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินไปอาบน้ำปกติ เมื่อออกมาก็เห็นอีกคนนั่งอยู่ท่าเดิมที่เดิม จึงเอ่ยปากถาม

"ไม่นอนหรือ ดึกแล้ว" อู๋เอ้อร์ไป๋เอ่ยพลางนั่งลงบนเตียงนอนทำให้อีกคนสะดุ้งเบาๆ วันนี้เขาใส่เสื้อกล้ามนอน ยกขึ้นไปเช็ดผมที่ยังไม่แห้งสนิท เริ่มได้กลิ่นหอมอบอวลแปลกๆจนอดสงสัยไม่ได้ “ได้กลิ่นอะไรไหม”

"...หืม อะ...เอ่อ….ฉันไม่รู้" คนที่นั่งนิ่งเงียบอยู่นานพลันเงยหน้าขึ้นมอง อดไม่ได้ที่จะไล่มองกล้ามเนื้อที่แผงอกแข็งแรงนั่นผ่านเสื้อกล้าม ใบหน้าพลันร้อนผ่าวขึ้นมาอีก

“นี่ไง กลิ่น... ” คนตรงหน้ายืนหน้าเข้ามาใกล้ตอนไหนก็ไม่รู้ กำลังจะเอ่ยปากถามพลันสายตาก็สบกับอีกคนพอดี คำพูดจึงถูกกลืนหายลงไปในลำคอทันที

ไม่มีใครหลบสายตาออกไป เหมือนมีแรงดึงดูดเล็กให้ใบหน้าเคลื่อนเข้าหากัน อู๋เอ้อร์ไป๋ขยับเข้ามาใกล้คนที่นั่งห่างออกไปแค่นิดเดียว ก่อนจะใช้มือจับคางดันขึ้นเล็กน้อย เซี่ยเหลียนหวนไม่ได้ขัดขืน เงยหน้าขึ้นสบสายตากับคนตรงหน้า แก้มขาวแต้มรอยแดงเรื่อไปทั่ว ริมฝีปากแดงที่เม้มเข้าหากันเล็กน้อยยิ่งดึงดูดคนที่จับจ้องริมฝีปากอยู่ค่อยๆก้มลงไปหา จนริมฝีปากของคนทั้งสองแนบสนิทกัน  สัมผัสนุ่มนวลเนิบนาบค่อยบดคลึงริมฝีปากอีกคนก่อนจะเปลี่ยนเป็นรุ่มร้อน สองแขนที่เคยวางไว้ข้างตัวยกขึ้นกอดรอบคอระดมจูบเข้ามาไม่ยั้งแล้วขยับตัวเข้าไปหาอีก   

“อ้า...แฮ่ก”

อู๋เอ้อร์ไปผละริมฝีปากออกอย่างรวดเร็ว เหมือนสติจะถูกดึงกลับมาในทันที มองคนตรงหน้าที่หอบหายใจอย่างหนัก ริมฝีปากแดงจัดบวมเจ่อขึ้นเล็กน้อย มุมปากข้างหนึ่งมีน้ำไหลย้อยลงมา และก่อนที่มันจะหยดลงเจ้าตัวก็ใช้หลังมือเช็ดออกลวกๆก่อนจะก้มเลียหลังมือนั้น หูสีดำเล็กๆบนหัวขยับเล็กน้อย จนคนมองอดคิดไม่ได้ว่านี่มันท่าทางของแมวชัดๆ

"....พี่" เซี่ยเหลียนหวนส่งเสียงเรียกเบาๆเมื่อเห็นอีกคนยังนั่งนิ่งหลังจากผละริมฝีปากออกไป มือจับต้นแขนก่อนจะขยับตัวลงจากตัก แต่อู๋เอ้อร์ไป๋เร็วกว่าวาดมือกอดเอวอีกคนให้นั่งอยู่ท่าเดิม ซ้ำยังชิดมากกว่าเดิมอีก

"...ปล่อยนะ" คนโดนกอดก้มหน้าก้มตาพูดเสียงเบา ใบหน้าแดงหูแดงอย่างน่ารัก

ในตอนนี้อู๋เอ้อร์ไป๋มีสติครบถ้วน สายตากวาดมองเรือนร่างของคนบนตักด้วยความต้องการ ไม่ว่าเมื่อครู่ที่ผ่านไปเขาจะทำไปด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง ตอนนี้เขาก็กำลังจะทำมันอีก และเขาจะไม่เสียใจภายหลังที่ทำมันลงไป

อู๋เอ้อร์ไป๋ก้มหน้ามองคนในอ้อมกอดก็คิดว่าตนเองตัดสินใจไม่ผิดแน่แล้ว ริมฝีปากแดงเจ่อนั่นกำลังเม้มเบาๆ มองเห็นริ้วรอยแดงเรื่อไปทั่วใบหน้า เขาไม่มีท่าทีขัดขืนเลยสักนิด นั่นทำให้อู๋เอ้อร์ไป๋คิดได้ในทันทีว่าเขายอมขนาดนี้ มีหรือจะไม่คิดอะไรบ้าง

ใช้มือเชยคางขึ้นมาอีกรอบเหมือนครั้งแรก คราวนี้สบสายตาเนิ่นนาน ส่งความคิดทุกสิ่งทุกอย่างผ่านดวงตาส่งไปให้อีกคนได้รับรู้ เซี่ยเหลียนหวนเม้มปากหน้าแดงกว่าเก่าเมื่อคนตรงหน้าส่งสายตาที่มีแต่ความปรารถนาบางอย่างมาให้ ใบหน้าเห่อร้อนจนแทบสบสายตาไม่ไหวอีกต่อไป จะจับมืออีกคนที่จับคางตัวเองไว้จะดึงออกแต่ก็ทำไม่ได้ "พี่....เอ้อร์....อื๊อ"

ยังไม่ทันได้เตรียมใจ ริมฝีปากคนตรงหน้าพลันฉกวูบแนบลงมาอย่างเร่าร้อน คราวนี้ไม่มีสัมผัสนุ่มนวลอ่อนหวานหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย แรงจูบที่กดเอาๆลงมาทำให้คนถูกจูบทรมานแทบขาดใจ ได้แต่อ้าปากปล่อยให้อีกคนทั้งจูบทั้งดูดจนพออกพอใจ สองมือยกกอดรอบคอ สอดปลายนิ้วขย้ำผมคนที่ระดมจูบอย่างหนักเพื่อระบายอารมณ์

"เฮือกก.....อื้อ...เจ็บ" คนที่หอบจนตัวโยนอยู่บนตักหลักจากที่อู๋เอ้อร์ไป์ผละจูบออกไปร้องครางเสียงแผ่ว เมื่ออู๋เอ้อร์ไป๋ไล่กดริมฝีปากไปตามพวงแก้ม มือข้างที่คอยประคองใบหน้าอีกคนไว้เลื่อนลงไปปลดกระดุมเสื้อนอนคนตรงหน้า ขณะเดียวเดียวกันริมฝีปากก็ไล่จูบไซร้มาตามซอกคอ รอยแดงประปรายปรากฏขึ้นเมื่อริมฝีปากลากผ่านไป จนกระดุมถูกปลดหมดทุกเม็ดสาบเสื้อก็ถูกแหวกออก เผยลำตัวช่วงบนที่ขาวนวล ไม่รีรอที่จะก้มลงไปงับจุกสีแดงที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า แขนแข็งแรงโอบรอบเอวอีกคนไว้แน่น มืออีกข้างก็บีบเค้นจุกสีแดงอีกข้างพลางใช้ริมฝีปากทั้งกัดทั้งดูดจนอีกคนส่งเสียงครางอื้ออึง

“อึ๊….อ๊ะ..อย่า...อย่ากัด….อ๊า..”

คนที่เอาแต่ครางก็ให้ความร่วมมือได้เป็นอย่างดี แผ่นอกกระเพื่อมตามแรงหอบหายใจเมื่อแรงอารมณ์พุ่งสูงขึ้น แผ่นหลังหยัดแอ่นให้อีกคนสัมผัสได้อย่างเต็มที่ สองมือสอดรั้งศีรษะกดแนบให้เข้ามาอีก รู้สึกกางเกงนอนที่สวมใส่อยู่จะค่อยๆถูกดึงออกไป และขาเปลือยเปล่าถูกจับแยกออกก่อนปลายนิ้วอีกคนจะสัมผัสเข้าที่กลางกายที่มีน้ำสีใสไหลปริ่มออกมา

"แฮ่กๆ ...อา...อ๊ะ....มัน..อื้อออ จะออก....พี่เอ้อร์..อ๊า!"  มือใหญ่เร่งรูดรั้งจนอีกคนปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือ อู๋เอ้อร์ไป๋เลื่อนปลายนิ้วฉ่ำน้ำไปที่ร่องสีแดงก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปช้าๆ  

"เจ็บ...อึก...เจ็บนะ..." เซี่ยเหลียนหวนใช้มือกำเสื้อคนด้านหลังไว้แน่น เอนหลังผิงแผ่นอกอีกคนใบหน้าหงายเชิดร้องเสียงครางแทบขาดใจ สองขาเปลือยเปล่าที่ถูกจับแยกออกสั่นระริกเมื่อนิดที่สองถูกเพิ่มเข้าไป

"อ๊ะๆ...อย่า...อย่าโดนตรงนั้น อ๊า อ๊า” สะโพกเปลือยเปล่าขยับขึ้นลงตามการสอดใส่ของนิ้วใหญ่เมื่ออีกคนงอมันแล้วครูดอยู่ด้านใน จนเมื่อเห็นปลายของคนที่หอบแฮ่กอยู่บนตักมีน้ำใสใสไหลปริ่ม จึงดึงนิ้วออกโดยที่อีกคนไม่ทันได้ตั้งตัวจนสะดุ้งเฮือก ตาปรือฉ่ำคู่หวานเอี้ยวกลับไปมองอีกคนที่ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อตัวเองอย่างอ้อยอิ่ง

เขาถูกแกล้งเสียแล้ว

คนที่นั่งสภาพกึ่งเปลือยอยู่มองสบตาอีกคนที่ยังแกะกระดุมเสื้อไม่เสร็จ กัดริมฝีปากแดงจัดเมื่อรู้ความหมายในแววตาคู่ดุ ขยับกายหันเข้าหาอีกคนก่อนจะเลื่อนมือปลดกระดุมเสื้อออกหมดเผยแผ่นอกแข็งแรงสู่สายตาทันที สะโพกเปลือยเปล่ารู้สึกถึงความแข็งขืนของอีกคนที่ดันผ่านกางเกงมาโดนช่องด้านหลัง สองมือจับที่ขอบกางเกงคนตรงหน้าดึงรั้งลงมา เผยความเป็นชายที่ตื่นตัวเต็มที่ บ่งบอกให้รู้ว่าคนคนนี้อยากได้เขามากแค่ไหน

ค่อยๆเลื่อนตัวลงจากตักใช้ฝ่ามือกำรอบขนาดก่อนจะรูดรั้งไปตามความยาว โน้มตัวก้มหน้าลงใช้ปลายลิ้นเลียเบาๆที่รอยแยก ได้ยินเสียงคำรามในคอก่อนที่มืออีกคนจะกดศรีษะของเขาลงไปหาสิ่งนั้น เซี่ยเหลียนหวนครอบริมฝีปากลงไปเกือบครึ่งท่อน แล้วผละออกมาใช้ปลายลิ้นไล้เลียไปตามความยาวจนปลายรอยแยกนั้นมีน้ำปริ่มออกมา และก่อนที่จะส่งเข้าปากตัวเองอีกครั้ง กลับถูกดึงตัวออกและดันให้นอนหงายไปที่เตียง

อู๋เอ้อร์ไป๋จับขาเปลือยเปล่าพาดบ่าก่อนจะก้มตัวลงไปหา ไม่มีคำพูดใดใดหลุดออกจากปากทั้งคู่ เพียงใช้แววตาสื่อสารกันเงียบๆ เขาจับขอบตัวเองจ่อไปที่ปากทางแล้วค่อยๆกดมันเข้าไปช้าๆ

"อ๊ะ...เจ็บ...อึ๊.." อู๋เอ้อร์ไป๋รอไม่ไหวแล้ว เมื่อครู่ที่อีกคนใช้ปากทำให้ปวดหนึบไปทั้งลำ ก้มหน้าแนบริมฝีปากลงไปพร้อมกับกดช่วงล่างเข้าไปเต็มที่จนสุดปลาย ทำให้คนที่นอนรับอยู่สะดุ้งร้องลั่นผละออกจากริมฝีปาก  

"อ๊า!!...ฮื้อ...เจ็บ...ฮึก.."

"ผ่อนคลายนะ ฉันจะไม่ไหวแล้ว" เสียงทุ้มแหบพร่าพูดข้างหูคนใต้ร่าง ผละใบหน้าออกมาก็พบดวงตาที่มีน้ำตารื้นอย่างน่าสงสาร เขาก้มลงจูบข้างแก้มแผ่วเบาๆ คาตัวเองไว้นิ่งๆแบบนั้นชั่วครู่ก็รู้สึกว่าแรงบีบรัดคลายออกช้าๆ จึงค่อยขยับสะโพก

“อื้อ...อ๊า...อ๊า!!.” เมื่อเริ่มเข้าที่เข้าทาง สะโพกสอบก็ขยับกระแทกกระทั้นลงมาเต็มแรง คนที่นอนเม้มปากแน่นกลั้นเสียงครางต่อไปไม่ไหว ร้องครางเสียงดังลั่นห้อง ความเจ็บเมื่อครู่หายไปมีแต่ความรู้สึกอื่นเข้ามาทดดแทน ยกมือขึ้นดันหน้าท้องอีกคนที่เอาแต่กระแทกแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะรู้สึกอุ่นวาบไปทั่วหน้าท้องเมื่อคนด้านบนปล่อยเข้ามาด้านในทุกหยาดหยด

อู๋เอ้อร์ไป๋จับอีกคนพลิกตัว รั้งสะโพกเปลือยเปล่าขึ้นมาแล้วจับของตัวเองสอดเข้าไปอีก เนื่องจากช่องทางได้รับความคุ้นเคยจากเมื่อครู่ทำให้สอดใส่เข้าได้ง่าย ก่อนจะขยับสะโพกเนิบนาบ มองไปยังร่างตรงหน้าที่ทั้งเนื้อตัวมีแค่เสื้อนอนสีขาวที่คาอยู่ที่ข้อแขน เอื้อมมือไปจับแขนอีกคนไพล่หลังแล้วกระแทกกระทั้นเต็มแรง เสียงครางอื้ออึงจากคนตรงหน้าเปลี่ยนเป็นร้องลั่นเมื่ออู่เอ้อร์ไป๋ถอดออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกสวนเข้าเข้าไปอีกจนสุด ทำแบบนั้นวนอยู่หลายทีจึงขยับสอดกระแทกถี่รัว

“พี่...เอ้อร์...อื้อ..ฮึก...พอ..พอแล้ว..”
ใบหน้าแดงเรื่อหันกลับมามองคนที่ยังกระแทกกระทั้นอยู่ไม่หยุดหย่อน มือที่ถูกจับเอาไว้เลื่อนจับข้อมือคนที่จับอย่างอ้อนวอน ดวงตาปรือฉ่ำด้วยแรงอารมณ์สบตากับคนด้านหลัง ปล่อยเสียงครางเครือแทบจะเป็นเสียงสะอื้นเมื่อแรงกระแทกถี่รัวและเร็วขึ้นอีก ก่อนจนสะดุ้งร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกถึงน้ำอุ่นร้อนที่พุ่งฉีดเข้ามาด้านในพร้อมๆกับน้ำของตนเองก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนเปราะเปื้อนที่นอนสีขาวเป็นดวง  

“อะ...” อู๋เอ้อร์ไป๋ดึงตัวเองออกมา ร่างตรงหน้าล้มฟุบลงนอนราบไปกับเตียงแทบจะทันที มองซอกขาเปลือยเปล่าของอีกคนที่มีของเหลวสีขุ่นไหลอาบและหอบจนตัวโยนอยู่ตรงหน้าเขา อู๋เอ้อร์ไป๋ก้มลงช้อนตัวอีกคนเข้ามาในอ้อมกอด ริมฝีปากกดจูบเบาๆที่ขมับก่อนจะพาไปล้างเนื้อตัวที่ห้องน้ำพร้อมตัวเอง

......

"อื้ออ....อะ"

เมื่อรู้สึกว่ามีแสงสว่างกระทบตา เปลือกตาก็ค่อยๆขยับลืมขึ้นช้าๆ เมื่อขยับตัวเล็กน้อยก็รู้สึกถึงความเจ็บราวทั่วกแผ่นหลังกับสะโพก ก่อนจะถูกมือคนที่ยังหลับรั้งเอวเข้าไปกอดเหมือนเดิม เมื่อรู้ว่าความอบอุ่นเมื่อครู่สัมผัสเข้าที่สะโพกเปลือยเปล่าของตัวเอง ใบหน้าขาวพลันร้อนฉ่า นึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

เงยหน้ามองคนกอดที่ยังหลับสนิท ดวงตาคู่ดุใต้กรอบแว่นตายามหลับดูไม่มีพิษภัย ปฏิเสธไม่ได้ว่าใบหน้าคมดูหล่อเหลามากขึ้นกว่าเดิมขึ้นมาก  

"จะจ้องจนฉันท้องเลยหรือ"

"อะ...ปะ...เปล่า" กว่าจะรู้ตัวคนถูกมองก็ตื่นเสียแล้ว

"เจ็บไหม"

“....”

หมับ

“อุ๊…..พี่เอ้อร์! ปล่อยนะ ปล่อยๆ อุ้มทำไม!”

"อยู่เฉยๆ"

"ปล่อย!"

อู๋เอ้อร์ไป๋หยุดนิ่งกลางคัน มองคนในอ้อมแขนที่เริ่มออกลายดื้อใส่ ใบหน้าง้ำงอแสดงความไม่พอใจ แต่เขาไม่ได้สนใจกลับไล่สายตามองร่างกายคนในอ้อมแขนที่มีเพียงเสื้อตัวเดียวที่แทบจะปิดอะไรๆไม่มิด  จนคนถูกอุ้มหน้าร้อนฉ่า

"อย่ามองนะ"
คนถูกอุ้มพยายามดึงชายเสื้อที่ไม่ยาวมากปิดแถวๆขา อู๋เอ้อร์ไป๋วางคนในอ้อมแจนลง เมื่อยืนเต็มฝ่าเท้าก็รู้สึกเจ็บขัดที่สะโพกไปหมดจนแทบจะยืนไม่ไหว

"ขอบคุณ….อะ"

“ระวังหน่อยสิ มาเถอะ เธอเดินไม่ไหวหรอก” ครานี้อู๋เอ้อร์ไป๋ไม่ได้รุกคืบเข้ามาทันที เพียงแต่ยืนคอยให้อีกคนอนุญาติด้วยการมองสบตากดดันกลายๆ ก่อนที่จะได้รับอนุญาติโดยเจ้าตัวที่พยักหน้าเบาๆหน้าแดงซ่าน

ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว มันน่าจับทำอีกสักรอบ

ทำได้เพียงคิดในใจ แล้วก้มตัวช้อนอีกคนเข้ามาในอ้อมแขนก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องน้ำ

………………………………………………………………….

เหตุการณ์ต่อจากนั้นก็แค่ไม่มีอะไรมาก  ลูกชายคนรองของตระกูลอู๋ก็อาศัยอยู่กับเมียเอ้ยๆ แมว ทั้งคู่ก็รักกันดี ฮึๆๆ นิทานหื่นกามจบโดยเท่านี้นะเด็กๆ ราตรีสวัสดิ์…..

ถุยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

เขียนต่อไม่ออก เอาใหม่ หลังจากวันที่อารองของเราทำอะไรๆเสี่ยวเหลียนไปแล้ว พันธนาการที่เจ้าตัวพูดถึงเขาก็ต้องรับไปโดยปริยายนะครับทุกคน แล้วสองคนนี้ก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ ส่วนอู๋เสียมึนต่อไป กว่าเอ็งจะรู้เขาได้กันไม่รู้กี่รอบแล้ว //โอ้ยลั่นนนนนนนนนน  (กราบสวัสดีค่ะ55555555)


--------------------------------------------------------
จบแบบนี้จะโดนด่าเป่า(...) โอ้ย5555555555555555555555555555555
เขียนไม่รู้จักจบจักสิ้นซักที