“หืม....อีกแล้วหรือ” ผมพึมพำเบาๆหลังจากงมกุญแจในกระเป๋ามาได้สักพัก
เงยหน้ามาเจอถุงเซเว่นที่ห้อยอยู่กับลูกบิดประตู ในนั้นมีนม 1 กล่อง
ทำไมไม่ชอบกินข้าว
ข้อความในกระดาษโน้ตเขียนไว้ว่าแบบนั้น
ผมหยิบมันขึ้นมาพลิกหน้าพลิกหลังดูแล้วไม่มีชื่อก็ดึงมันออกพร้อมกล่องนมก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องไป
ผมได้รับโน้ตแบบนี้มา
4
วันแล้ว ไม่รู้ว่าใครส่งมาให้ ไม่รู้แม้กระทั่งเป็นชายหรือหญิง
ถ้อยคำที่เขียนส่งมาทั้งสั้นและก็ห้วน ทำให้เดาไม่ถูกเสียทีเดียวว่าชายหรือหญิง
แต่ช่างมันเถอะ
ผมถอดกระเป๋าออก
เดินเอาโน้ตไปใส่กล่องเล็กๆไว้บนโต๊ะคอมพิมเตอร์ ในกล่องมีกระดาษสีเดียวกันและลายมือเดียวกันอยู่แล้วสามใบ
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเก็บไว้ทำไม แต่ก็เก็บ นึกย้อนไปเมื่อวันแรกที่กินข้าวอยู่โรงอาการกับพวกนายอ้วน
ผู้หญิงสวยทรงแน่นเดินเข้ามาอย่างหมายมาด เธอเดินมาหยุดตรงหน้าผม
พลันใบหน้าหวานก็ยิ้มน้อยๆก่อนจะส่งบางอย่างมาให้
ผมรับมันมาโดยที่ยังไม่ทันได้ดูว่าเจ้านั่นคือสิ่งของอย่างไร
มัวอชแต่มองรอยยิ้มที่แต้มอยู่บนใบหน้าของเธอ จนเธอพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า มีคนฝากมาให้นาย
และเธอก็เดินจากไป
ผมเลิกคิ้ว
ยกถุงขึ้นมาดูพบว่าในนั้น คือน้ำขวดหนึ่ง ใส่ถุงมาพร้อมหลอด มีโน้ตใบหนึ่งแปะอยู่
น้ำ
เออ….. ฉันรู้ว่าน้ำ
ก็ถ้าจะเขียนมาแค่นี้ก็อ่านข้างขวดก็ได้ไหมวะ ผมบ่นในใจ
พลางนึกถึงคนส่งว่าจะเขียนมาให้เปลืองกระดาษทำไม พลางเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆตัว
รู้อยู่แล้วว่าต้องไม่เจออะไรแต่ก็ยังมอง
สุดท้ายก็เก็บโน้ตนั่นไว้เปิดขวดน้ำกินๆไปให้มันรู้แล้วรู้รอด
นั่นคือกระดาษแผ่นแรก
แต่ตอนนี้
ไอ้กล่องนมที่ผมหยิบมาจากในถุงที่แขวนอยู่หน้าห้องยังมีความเย็นอยู่ แสดงว่าคนที่เอามาแขวนต้องมาก่อนผมจะมาแปบเดียว
ราวๆ5นาที ผมนั่งมองกระดาษโน้ตลายมือเดียวกันในกล่อง หวังว่าคนที่ส่งคงจะไม่ใช่ผู้ชายนะ
แม่ง
หลังจากนั้นผมก็เลิกสนใจ
อาบน้ำแล้วก็นอนตามปกติ
เช้าวันนี้คณะผมมีแสดงนิทรรศการที่ใต้ตึก
ผมเป็นฝ่ายคอยประสานงานเพราะอยู่ปี3แล้ว
หน้าที่หลักๆก็เสร็จก่อนตั้งแต่ก่อนเริ่มงานที่เหลือคงจะเป็นหลังเลิกงานทีเดียว
“พี่ชาย ไปกินข้าวกลางวันกับพวกฉันไหม”ผมหันไปมองเสี่ยวฮัวที่เดินมาพร้อมกับนายแว่น
เขายิ้มแบบนั้นให้ผมอีกแล้ว
“เออ เอาสิ หิวพอดี” ผมพยักหน้า
บอกให้เขารอครู่หนึ่งก่อนที่พวกเราจะเดินออกมาจากห้องสโมฯ
เดินไปได้ไม่ถึงไหนก็ต้องหยุดรอนายอ้วนที่ม้านั่งแถวนั้น เขาบอกผมว่าอีก 5 นาที นายอ้วนอยู่ทีมสตาฟควบคุมงาน เขาไม่ได้เจอผมเลยทั้งช่วงเช้า
“พี่อู๋เสีย” เสียงเรียกจากข้างหลังทำให้พวกเราหยุดคุยกันสักครู่
ก่อนจะพบรุ่นน้องต่างคณะ ที่คอเธอมีป้ายชื่อห้อยไว้ เขียนว่าเหวินจิ่น
เธอยื่นกล่องข้าวมาตรงหน้าผม “มีคนเอามาให้พี่ค่ะ” ผมพยักหน้า คงไม่พ้นไอ้มนุษย์สตอลเกอร์นั่นแน่ๆ
“นายขายออกแล้วหรือ พี่ชาย” เสี่ยวฮัวพูดเย้าผม
เมื่อเห็นโน้ตที่ติดอยู่ที่กล่องก็แทบผงะ
...หาคนที่ชื่ออู๋เสียเอกโบราณให้หน่อยครับ....แฟนพี่เอง...
กระดาษโน้ตสีครีมกับลายมือที่เหมือนกับกระดาษใบก่อนๆ
แต่คราวนี้ไม่สั้นและไม่ห้วน ที่สำคัญ….
ครับ..
ครับ......
ครับ!!!...
แม่ง
เจ้าของโน้ตแผ่นนี้มันเป็นผู้ชาย!!
มิน่ายัยเด็กเมื่อกี้ถึงหน้าหน้าแดงหูแดง
“ว้าวว คุณชาย คุณมีคนตามจีบอยู่หรือ” นายแว่นดำที่ชะโงกหน้ามาอ่านโน้ตของผมแซวเสียงดัง
นายอ้วนที่วิ่งกระหืดกระหอบมามีหรือที่จะไม่ได้ยิน
“เทียนเจิน! ในที่สุดนายแม่งก็ขายออก!” นายอ้วนหันไปตีมือกับนายแว่นดำอย่างชอบใจ
ผมเข่นเขี้ยว หันไปสบถด่าแม่เขาคำหนึ่ง
“เชี่ยเหอะ พวกนายจะให้ฉันดีใจเหรอวะที่มีผู้ชายมาตามจีบ ไอ้บ้า” ผมด่าออกไป
เตรียมจะปาข้าวกล่องลงถังขยะแถวนั้นแต่นายแว่นดำก็ห้ามไว้เสียก่อน
“อะ อะ ไม่ได้นะครับนายน้อย ถ้าเกิดเจ้าของกล่องอยู่แถวนี้คงเสียใจแย่เลยนะ”
ผมชะงักมือทันที หันหน้าไปหาพวกนายอ้วนก็เจอสายตาล้อเลียนส่งมา
“เทียนเจิน…ที่แท้นายก็แอบแคร์เขานี่หว่า” แล้วข้าวกล่องนั่นก็ลงไปนอนอยู่ในถังขยะดังโครมทันที
ผ่านมาได้อาทิตย์กว่า
ผมยังได้รับโน้ตอยู่ทุกวัน ลายมือคุ้นตากับกระดาษสีครีมนั้นยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
ผมอ่านใบล่าสุดก่อนจะสบถด่าบรรพบุรุษเขาอยู่หลายคำ พยายามสืบก็แล้ว
ถามจากคนที่เอามาให้ก็แล้ว ลองแอบดูเอง
หรือว่าลองถามคนในเอกดูก็เหมือนจะไม่มีใครรู้เลย! สรุปหมอนี่มันมีตัวตนหรือเปล่าวะ
แม่ง
คิดแล้วก็หงุดหงิด
แล้วทำไมกุญแจห้องไขไม่ได้วะเนี่ย
แกร๊ก แกร๊ก
เสียงไขประตูที่ดังขึ้นพร้อมกันทำให้ผมหันไปมองข้างๆตัว
พบว่านั่นมันไอ้มนุษย์หน้าตายคณะวิทยานี่หว่า หมอนี่อยู่ข้างห้องผมหรือ…
“มองอะไร” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์
ผมกำลังจะอ้าปากด่าเขาทว่าอมอนั่นเปิดประตูเข้าไปก่อนจะปิดแบบไม่สนใจผมเลยสักนิด
เหอะ ไอ้ขี้เก๊ก
หันกลับมาที่ประตูห้องตัวเองก่อนจะเห็นถุงห้อยอยู่ มีโน้ตแปะไว้
ซื่อบื้อ แถมยังโง่อีก
อะไรของหมอนี่วะ!
ผมไปซื่อบื้ออะไรตอนไหน คนที่แม่งตามติดชีวิตชาวบ้านแบบเขายังมีหน้ามาว่าคนอื่นแบบนี้เรอะ
วันนี้มันวันอะไร ทำไมมีแต่เรื่องเยอะแยะเต็มไปหมด พลันสายตาเหลือบไปเห็นกระเป๋าเล็กๆใบหนึ่ง
น่าจะเป็นของมันน่ะแหละ ผมด่าเขาอยู่หน้าประตูก่อนจะก้มเก็บมันขึ้นมา
มันคือกระเป๋าขนาดพกพาที่ใส่กระดาษโน้ตหรืออะไรสักอย่าง ไม่ได้ปิดซิบไว้
ผมกำลังจะเปิดออกดูเสียงประตูห้องก็เปิดออกมาเสียก่อน
“ฉันเก็บมันได้หน้าห้อง ของนายรึเปล่า” ผมยื่นกระเป๋าให้เขา
หมอนั่นพยักหน้าหน่อยนึง
“ขอบใจ” แล้วก็ปิดประตูห้องใส่ผม
นิสัยโคตรดีเลยไอ้บ้านี่
ตอนเช้าผมก็ไปเรียนปกติ ดึงโน้ตหน้าห้องกับกล่องนมติดมือมาอย่างเคยชิน คาบเช้าผ่านไปอย่างน่าเบื่อ นายอ้วนแซวผมเรื่องกระดาษโน้ตก่อนเขาจะหลับไปสองวิชารวด
เขาตื่นขึ้นมาอีกทีหลังได้ยินเสียงอาจารย์บอกจบคลาส
มองดูนาฬิกาข้อบอกเวลาเที่ยงพอดีกะว่าจะลงไปกินข้าวกัน
ตอนบ่ายพวกผมมีเรียนอีกวิชาเดียวก็เลิกแล้ว
“เฮ้ย พวกนายไปก่อนเลยก็ได้ ฉันลืมกระเป๋าสตางค์ไว้บนตึกว่ะ
เดี๋ยวรีบวิ่งไปเอาแล้วตามไปนะ”
“เออ”
นายอ้วนรับคำก่อนจะเดินไปก่อน
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปที่ตึก ดีนะที่ลิฟต์ตอนนี้ไม่มีคนแล้ว
อาจเป็นเพราะพักเที่ยง นักศึกษาเลยไปกินข้าว พอถึงชั้นที่ผมเรียน ผมก็มุ่งหน้าไปที่ห้องทันที แต่ยังไม่ทันจะไปถึงไหน ผมเห็นกระดาษโน้ตสีครีมคุ้นตาตกอยู่หน้าห้อง ผมเดินไปเก็บแล้วพลิกดู
พบว่าไม่มีข้อความ มันเป็นกระดาษเปล่าๆที่ดูเหมือนตกโดยไม่รู้ตัว
สมองประมวลผลโดยฉับไว
หรือว่าเจ้าของโน้ตจะอยู่แถวนี้
คิดได้ดังนั้นผมก็ค่อยๆเดินไปอย่างเงียบๆ
เงยหน้ามองคลาสที่กำลังสอนอยู่ก็พบเป็นเด็กคณะวิทยาศาสตร์ที่กำลังเคร่งเครียดกับวิชาอะไรสักอย่าง
ผมไม่ได้สนใจ รีบเดินไปห้องเรียนที่พวกผมเอากระเป๋าทิ้งไว้
มือยังจับโน้ตสีครีมนั่นไว้แน่น
พรึ่บ
“อะ.....เฮ้ย รีบไปไหนของมันเนี่ย” ผมผงะแทบหงายเมื่อมีคนเดินผ่านไปแทบจะชนผม
มองตามไปก็พบว่าเป็นไอ้หมอนั่น เมินโหยวผิง
เดือนคณะวิทยาศาสตร์ เขาดูรีบร้อนก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องที่ผมเดินผมมาเมื่อสักครู่
ผมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันก่นด่าบรรพบุรุษหมอนั่นอยู่สักพัก ก่อนที่จะเห็นกระดาษโน้ตสีครีมหล่นอยู่ที่พื้นอีกใบหนึ่ง
และอีกใบหล่นอยู่ตรงประตูห้องที่หมอนั่นเข้าไปเมื่อครู่
!!
ไอ้หมอนั่น…..เมินโหยวผิงคือเจ้าของกระดาษโน้ตเหรอวะ!
แล้ว…
“นักศึกษา....”
แล้วข้อความพวกนั้น
….หมอนั่นจะจีบผมเหรอ?
“นักศึกษาครับ...”
เอาวะเดี๋ยวค่อย….
“นักศึกษาที่ยืนอยู่ตรงประตูครับ
คุณมีธุระอะไรกับผมหรือนักศึกษาในห้องนี้รึเปล่าครับ”
ผมสะดุ้ง
พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าประตู ทุกสานตาในห้องหันมองมาทางนี้กันผม
“เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่มีครับธุระอะไรครับ” ผมไหว้ขอโทษอาจารย์ก่อนจะหันไปสบตากับจางฉี่หลิงแว้บเดียวแล้วเด้งตัวออกมา
จากนั้นก็รีบวิ่งไปห้องตัวเองเพื่อไปเอากระเป๋าตัง
ที่กระเป๋าผมมีโน้ตอยู่ มีนมกับขนมปังเหมือนเดิม เอาล่ะ ในเมื่อเขาทำเช่นนี้
เย็นนี้เราจะจับตัวสตอลเกอร์กัน!
ผมอยากถามเขาให้รู้แล้วรู้รอดว่าทำแบบนี้ทำไม
หรือว่าเป็นแค่การแกล้ง คณะมันยิ่งมีการรับน้องแล้วให้ทำอะไรแปลกๆอยู่
พอเลิกเรียนผมก็รีบพุ่งหลาวออกน้องห้องเรียนกลับห้องพักทันที
ไม่อยากให้พวกนายอ้วนสงสัยและไม่อยากจะตอบคำถาม
พอวิ่งมาถึงหน้าประตูห้องก็เจอโน้ตแปะอยู่ที่ลูกบิด
นายรู้แล้วจะรีบอะไรนักหนาหรือ
อะ...อะไรของหมอนี่เนี่ย!!!
“วิ่งมาแบบนี้ถ้าล้มจนได้แผลจะทำยังไง” เสียงพูดเบาๆที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ผมหันหลังกลับทันที
“อะ.....เฮ้ย!!!” ผมหันไปเจอใบหน้าของหมอนั่นโคตรใกล้
ตกใจจนหงายท้อง หัวคงจะกระแทกพื้นถ้า…
“ฉันบอกนายแล้ว อู๋เสีย ว่าไม่ต้องรีบ”
ถ้าไอ้หมอนี่มันไม่คว้าเอวผมไว้
“เมินโหยวผิง! นี่นาย! นายเป็นเจ้าของไอ้โน้ตพวกนั้นหรือไง!” ผมด่าเขา ใบหน้าเรียบเฉยนั่นเหมือนไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“...”
เขาปล่อยผมแล้วพยักหน้านิ่งๆ สายตาที่ส่งมานั่นต้องการสื่อบางอย่าง
มันชัดเจน หนักแน่น...และเป็นความจริง
“ละ..แล้ว...นาย...ส่งมาให้ฉันทำไม” ผมพูดเสียงแผ่วหลบสายตาที่เขาจ้องมา
หัวใจพลันเต้นตึกตักทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจนะเป็นเช่นนี้
“เดาไม่ออกหรือว่าฉันส่งไปทำไม” เขาพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามา
ผมจะถอยแต่กลับโดนเขาจับไว้
“....”
ผมไม่ตอบเงยหน้ามองหน้าเขา
“สงสัยต้องใช้วิธีอื่นบอกนาย”
“วิธีไหนของนาย….อะ...อื้ม”
เอวถูกเขารวบเข้าไปหา
ริมฝีปากเย็นชืดนั่นแนบลงมาเคล้าคลึงบดเบียดกับริมฝีปากผม
ผมตกใจจับไหล่เขาพยายามจะดันออกแต่ไม่เป็นผล
สุดท้ายก็ต้องยอมให้ลิ้นร้อนๆนั่นทั้งดูดทั้งกวาดจนเขาพอใจ
เขาผละริมฝีปากออกไปแต่ผมแทบหมดลมหายใจ
“อู๋เสีย...” เขาเลื่อนริมฝีปากประทับข้างแก้มผมเบาๆ
ผมเม้มปากแน่น รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว บอกตัวเองว่ายอมเขาขนาดนี้คงหนีไม่พ้นแล้วล่ะ
เมินโหยวผิงจับคางผมให้หันหน้ามาทางเขาอีก เขาก้มลงมอบจูบร้อนแรงส่งมาให้
ผมยกมือกอดรอบคอเขากลับไปพลางขยับริมฝีปากจูบตอบ เขาผละจูบออกอีกคราก่อนจะเอาโน้ตมาเขียนอะไรบางอย่างลงไปแล้วแปะไว้ที่หน้าผากผม
ทำหน้าแบบนั้นคราวหน้าฉันไม่ปล่อยให้นายรอดแล้วนะ
อู๋เสีย
เขาเดินเข้าห้องไปแล้ว
ผมหยิบมาอ่านก็แทบจะด่าเขา หน้าร้อนวูบวาบ ไอ้บ้า!
------------------------------------------------------------------
อยากเขียนให้ปล้ำจูบกันมากกว่านี้เหลือเกินค่ะ
5555555555555555555555555555555555555555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น