มือกระชับกระเป๋าข้างตัว
ขายาวก้าวเร็วๆอยู่ภายในตรอกแห่งนี้เพื่อที่จะได้ออกไปให้ไว
แต่ก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นเคยหลบๆซ่อนๆอยู่มุมเสาหลักถนน
หมาห้า เจ้ามาทำอะไรแถวนี้นะ
ลองเดินตามไปหน่อยก็แล้วกัน อยากรู้เหมือนกันว่าจะไปไหน และทำอะไร
-อีกด้านหนึ่ง-
รู้สึกเหมือนมีคนตามมา....
ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน…
แต่หันหลังกลับไปก็ไม่พบสิ่งใดนอกจากความมืดที่รายล้อมรอบตัวลงมาเรื่อยๆ
จะใครก็ช่างเถิด จะลองดีกับฉันหรือ? อู๋เหลาโก่วหลบเข้าซอกแคบๆถนนอย่างรวดเร็ว
คิดเอาไว้ว่าถ้าไอ้คนที่เดินตามเขามามาถึงนี่มันจะต้องกลับบ้านไปไม่ครบ32
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าดังก้องไปทั่วทางเดิน
เสียงนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ก่อนจะหยุดลงเมื่อเลยซอกที่อู๋เหลาโก่วยืนอยู่ไปนิดหน่อย อีกคนที่ไม่มองให้ดีเสียก่อนและไม่นึกเอะใจ
พุ่งตัวออกไปหวังล็อกคอแล้วจับเขาทุ่มที่พื้น
ฟุ่บ พรึ่บ!
“อะ...โอ๊ย” แต่ดูเหมือนความเร็วที่ใช้จะยังไม่พอ
แขนยังไม่ทันจะถึงตัวอีกคนก็โดนใครคนนั้นจับแขนพลิกกลับไปด้านหลังแล้วดึงตัวเขาไปด้านหลัง
“เจ้าช้าไปนะ”
“ทะ...ท่าน!” คนโดนจับได้ร้องเสียงหลง
เมื่อรู้ว่าคนที่จับแขนตนเองอยู่คือใคร อู๋เหลาโก่วถูกพลิกตัวกลับมา
แขนอีกข้างถูกปล่อยเป็นอิสระ
เมื่อสบตากับเจ้าของเสียงทุ้มเท่านั้นจากใบหน้าตกใจก็เปลี่ยนเป็นง้ำงอแทน
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“แล้วท่านมาทำอะไร?” อู๋เหลาโก่วไม่ได้ตอบคำถาม
แต่ย้อนถามกลับไปเสียงสะบัดเล็กน้อยบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์เมื่อเจอคนที่ไม่อยากเจอเข้า
“....”
เมื่อเห็นกิริยาของคนตรงหน้า มุมปากกลับมีรอยยิ้มเล็กๆประดับอยู่
ปากแดงๆนั่นแทบจะคว่ำอยู่แล้ว
“ยิ้มอะไรของท่าน!” จางฉี่ซานนึกขำอีกคนที่หน้าง้ำหน้างอ
ส่ายหน้าเบาๆพร้อมถอนหายใจ
ก่อนจะคว้าเอามือนั่นมาจับแล้วออกแรงดึงให้เดินตามมา
“เจ้าไม่ควรจะมาแถวนี้ในเวลาแบบนี้”
“ปล่อยมือข้าเลยนะ! นี่ พ่อพระ!” อู๋เหลาโก่วแหวใส่อีกคนที่เดินกึ่งลากกึ่งจูงเขาไป
ทั้งดิ้นทั้งพยายามดึงมือออกแต่ดูเหมือนว่าคนที่เหนื่อยจะมีแต่ตัวเอง
จนสุดท้ายก็ต้องเดินตามคนตัวสูงในเครื่องแบบที่เดินนำอยู่ตรงหน้าเขา
---------------------------------------
“ซันชุ่นติง! ถ้าเจ้าหนีข้าอีกวันหลังข้าจะไม่ใจดีกับเจ้าแล้วนะ”
เสียงพูดปนหอบหน่อยๆที่ดังมาจากหลังบ้านตระกูลอู๋เรียกความสนใจของผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี
จางฉี่ซานถอดหมวกก่อนจะวางไว้ในตัวบ้าน
ร่างสูงสมส่วนในชุดเครื่องแบบเดินตามเสียงของคนและหมาไปจนถึงที่
ภาพตรงหน้าคือผู้ชายเรือนผมสีน้ำตาลกำลังกอดรัดเจ้าหมาตัวโตตรงหน้าตัวเอง
มือข้างหนึ่งถือสายยาง อีกข้างหนึ่งใช้กอดรัดเจ้าตัวโตนั่นไว้ บนตัวของมันมีฟองอยู่เต็มไปหมด
ได้ยินเสียงบ่นหมาตัวเองไปแต่มือนั่นก็คอยสางขนด้วยความตั้งใจไล่ฟองออกไปจากลำตัวของมัน
และดูเหมือนว่าเจ้าหมาตัวโตนั่นจะรู้ว่าตัวของมันสะอาดแล้ว
มันดิ้นจากอ้อมแขนของเจ้าของ สะบัดจนน้ำกระเด็นเซ็นซ่านไปทั่วบริเวณนั้น
ส่งผลให้เจ้าของมันยอมปล่อยเสียโดยดี
มือยกขึ้นป้องใบหน้าจากละอองน้ำก่อนจะแหวเสียงดังตามหลังเจ้าหมานั่นไป
ขางฉี่ซานยิ้มมุมปากอย่างขัน
ดูเหมือนว่าเจ้าบ้านจะยังไม่รู้ตัวว่ามีแขกมาเยือนที่บ้าน
“ไม่อยากมาหาน้ำให้ข้ากินหน่อยหรือ”
ใบหน้านั่นหันขวับมาทางเขาอย่างรวดเร็ว
ก่อนร่างคนตรงหน้าจะเดินเร็วๆเข้ามา เขาสวมกางเกงขายาว
ขากางเกงถูกพับขึ้นไปเล็กน้อย กับเสื้อกล้ามสีเดียวกันกับสีผม
ที่ตอนนี้มันเปียกลู่ไปจนแนบกับลำตัวของเจ้าตัว
“พ่อพระ! ท่านมาทำอะไรที่บ้านข้า!” จางฉี่ซานละสายตาออกจากร่างตรงหน้า
พลางคิดในใจว่ามันน่านักที่ปล่อยตัวเองให้เปียกเช่นนี้
“เข้าไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน”
“ไม่ไป ท่านมาทำอะไร? งานการท่านไม่มีทำหรืออย่างไร
ทีเมื่อก่อนเห็นไม่ค่อยว่าง” อู๋เหลาโก่วแหวใส่คนที่หน้านิ่งที่ยืนตรงหน้าอย่างไม่เกรง
เขารู้ดีว่าคนคนนี้ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอก
“ถ้าเจ้าไม่ไปข้าจะพาเจ้าไปเปลี่ยนเอง จะเอาแบบนั้นไหม” เสียงนิ่งๆเอ่ยขึ้นมาอย่าไม่สะทกสะท้าน
แต่กลับทำให้คนหน้างอสะดุ้งหน้าแดงเรื่อหลบสายตาอีกคนในทันที
“ไอ้คนบ้า!” จางฉี่ซานมองตามคนที่ตั้งใจเดินเบียดเขาเข้าบ้านไปเร็วๆ
ส่ายหัวเบาๆก่อนจะเดินไปนั่งรอที่ห้องรับแขก ก่อนจะมีคนเอาน้ำมารินให้
พลางคิดไปถึงคนด้านบนที่ยังคงไม่หายโกรธเคืองเขาสักที
ช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมางานเขาหนักเหลือเกิน
ไม่มีเวลาแม้แต่จะพูดคุยกับใครทั้งนั้น แม้แต่กับคนรัก นอกจากไม่มีเวลาแล้วยังต้องออกราชการไปนอกเมือง
ไปที่อื่น จึงหาโอกาสพบหน้าใครไม่ได้เลย จนย่ำค่ำวันนั้น
ถ้าเขาไม่บอกให้ลูกน้องกลับไปรอที่รถและเขาจะตามไปทีหลัง
เขาจะไม่มีวันได้พบกับเหตุการณ์เช่นนั้นเลย
ที่เขาเจอหมาห้าวันนั้นก็เพราะว่าเจ้าตัวแอบตามไปดู
อู๋เหลาโก่วคงรู้ว่าเขาจะกลับวันนี้ จึงมาด้วยตนเอง
ไม่พกมาด้วยแม้แต่ซันชุ่นติงที่เจ้าตัวมักจะเอาไปด้วยไม่ว่าจะไปที่ใดก็ตาม
แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ง่าย
เมื่อคนรักโกรธเคืองถึงกับไม่ยอมพูดคุยด้วยหลังจากวันนั้น จึงต้องมาเองถึงที่นี่
และตอนนี้เขาก็รอนานจนเกินไปแล้ว พยักหน้าให้คนใช้ในบ้านว่าไม่ต้องไปตาม
เดี๋ยวเขาขึ้นไปเอง
เสียงเคาะประตูห้องเรียกสติของคนที่นั่งอยู่บนเตียง
“บอกเขากลับไปเลย! บอกว่าข้าไม่ว่าง นอนหลับไปแล้วหรืออะไรก็ได้”
อู๋เหลาโก่วตะโกนออกไปให้คนด้านนอกได้ยิน
แต่เสียงเคาะของประตูก็ยังดังขึ้นอีก พูดไม่รู้เรื่องหรือเจ้าพวกนี้
“ข้าบอกแล้วไงว่า… พ่อพระ!...อะ...ออกไปเลยนะ!”
เมื่อเปิดประตูออกไปกะจะเอ็ดคนใช้เสียหน่อย
แต่คนที่เคาะไม่ใช่คนในบ้าน
จะปิดประตูก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อมือใหญ่คว้าหมับก่อนจะดันแล้วแทรกตัวเข้ามา
ไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องด้วย
แขนแข็งแรงคว้าหมับที่ข้อมืออีกคนก่อนจะดึงเข้ามาหาตัว
“ท่าน!...ปล่อยข้า! ข้าไม่อยากพบหน้าท่าน….อื้อ..” คางถูกจับให้เงยหน้าขึ้นก่อนริมฝีปากอุ่นร้อนจะทาบทับลงมา
เอวถูกดึงรั้งเข้าไปใกล้อีก
มือใหญ่ข้างหนึ่งจับใบหน้าอีกคนไว้ก่อนลิ้นร้อนจะสอดพรวดเข้าในโพรงปากหวาน
รู้สึกได้ถึงกำปั้นทุบหนักๆที่ไหล่ทั้งสองข้าง จางฉี่ซานเอียงหน้าไปอีกด้านมือเลื่อนลงไปโอบเอวคนในอ้อมกอดไว้แน่น
กวาดลิ้นไปทั่วจนอีกคนอ้าปากยอมให้ตนเองรุกรานได้ตามใจชอบ
มือที่ทุบเปลี่ยนมาจับก่อนจะขย้ำดึง
จางฉี่ซานค่อยๆละริมปากออก
สบดวงตาสั่นไหวของคนตรงหน้า ริมฝีปากที่ยังคลอเคลียไล่กดจูบเบาๆที่ริมฝีปาก
แดงจัด ก่อนจะเลื่อนมาที่มุมปากไล่ลงที่สัมผัสที่คอขาวแผ่วเบา คนตรงหน้าก็เอียงคอให้น้อยๆอย่างง่ายดาย
แดงจัด ก่อนจะเลื่อนมาที่มุมปากไล่ลงที่สัมผัสที่คอขาวแผ่วเบา คนตรงหน้าก็เอียงคอให้น้อยๆอย่างง่ายดาย
“ทะ...ท่าน...อึ๊...” มือเลื่อนมาที่ไหล่หนาที่ยังอยู่ในเครื่องแบบจางฉี่ซานละใบหน้าออกมาจากซอกคอนั่นอย่างนึกเสียดายเล็กน้อย
เขาลุกขึ้นก่อนจะจับจูงมืออีกคนให้เดินตาม
“เก็บของใช้ส่วนตัวของเจ้า วันนี้ไปค้างกับข้า”
“ไม่เอา….” อู๋เหลาโก่วเม้มปากหน้าแดงแจ๋
ดึงข้อมือออกจากมือใหญ่ “ถ้าข้าไปไม่มีใครดูแลหมา...”
“ถ้าเจ้าไม่ไป”
“....”
“งั้นคืนนี้ข้าจะค้างที่นี่แทน”
…….........................................................
“แฮ่ก….อือ...อื๊อ...พะ...พอแล้ว” อู๋เหลาโก่ววาดแขนกอดคออีกคนแน่น
ใบหน้าหงายเชิดครางเสียงสะอื้นเมื่ออีกคนกระแทกกระทั้นเข้ามาอีก
มือใหญ่บีบเค้นสะโพกที่นั่งอยู่บนตักของตนเอง
เขาตบสะโพกโจนจ้วงเข้าออกช่องทางแดงช้ำนั่นรัวก่อนจะปลดปล่อยเข้าไปด้านในทุกหยาดหยด
รั้งใบหน้าชื้นเหงื่อให้ก้มลงมารับจูบ ก่อนจะผละริมฝีปากออก
ถอดกายออกจากตัวอีกคนกอดจะวาดแขนรั้งตัวเข้ามากอดแนบอก
ริมฝีปากกดจูบหนักๆที่ขมับอีกคนอย่างหวงแหน
“หายโกรธข้าหรือยัง”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ
มือใหญาก็จับคางคนในอ้อมอกให้เงยหน้าสบตา แต่ดูเหมือนว่าจะเขาคิดผิดเสียแล้ว
สายตาหวานฉ่ำที่มองสบตากลับมา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน
แก้มขาวทั้งสองข้างตรงหน้าขึ้นริ้วแดงไปหมด ก่อนกำปั้นหนักๆจะทุบลงบนอก
“ข้ายอมขนาดนี้ ท่านยังไม่รู้อีกรึไง...”
ปลายนิ้วยกขึ้นแตะแก้มอีกคนแผ่วเบาก่อนริมฝีปากอุ่นร้อนจะก้มลงมาจูบหน้าผาก
หมาน้อยตัวนี้ทำให้เขาใจเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว
ดึงตัวอีกคนออกก่อนจะล้มตัวลงนอนไม่ลืมที่จะคว้าร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าเข้ามากอดไว้แนบอก “อย่าโกรธเคืองข้านักเลย...”
“ข้าออกไปทำงาน ใช่ว่าจะไม่คิดถึงเจ้าเสียเมื่อไหร่
อยากกลับมาหาใจแทบขาดแต่ภาระหน้าที่ที่ละทิ้งมิได้ก็สำคัญเช่นกัน เจ้ารู้ดีไม่ใช่หรือ”
รู้สึกว่าคนในอ้อมกอดขยับตัวเข้ามาหาอีก
“นอนเถิด คืนนี้ข้าจะไม่กวนเจ้าแล้ว” ประโยคกำกวมนั่นทำให้คนในอ้อมกอดมุดใบหน้าแดงซ่านเข้าที่อกแข็งแรงตรงหน้า
ก่อนที่อู๋เหล่าโก่วจะสัมผัสได้ถึงแผ่นอกแข็งแรงที่กระเพื่อมตามแรงหายใจคงที่ เขาคงหลับไปแล้ว
ร่างเปลือยเปล่าขยับลุกขึ้นมาเล็กน้อย
ช่วงสะโพกรู้สึกขัดไปหมด ปลายนิ้วลูบไปตามโครงหน้าหล่อเหลาของคนรัก
“ข้ารักท่านนะ”
อู๋เหลาโก่วโน้มหน้าลงไปจูบหน้าผากของอีกฝ่ายแผ่วเบาก่อนจะซุกตัวเข้าหาแผ่นอกแข็งแรงเหมือนเดิม
ก่อนเขาจะหลับตามไปอีกคน
----------------------------------------------------------
Talkค่ะ //ซับเลือดผสมกาวออกจากจมูก
เขียนแบบไม่รู้ช่วงเวลา
คำพูด สถานการณ์เชื่อกันมากมั้ย ไม่ได้เช็คเลยค่ะ
รุ่นปู่นี่มันดีจริมๆ.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น