8 เมษายน 2559

[SF] Good-Boy #ถิงหยวน







“ฮึ้ย!” ได้ยินเสียงของผ้าเหมือนถูกโยนลงที่พื้นและเสียงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ผมลดขวดน้ำลง เหลือบตามองไปตรงหน้า ที่กระจกอีกฝั่ง เห็นใครคนหนึ่งนั่งหน้าหงิกอยู่ ผิดกับตอนมาที่ใบหน้ายังยิ้มแย้มแจ่มใส่ ผมถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยปาก


“ไอ้ท่าที่นายพยายามอยู่น่ะ มันไม่ยากหรอกนะ แต่นายวางช่วงเท้าและขาผิด สะโพกมันเลยหมุนแบบแปลกๆ” 


“...” เงียบ...เหมือนที่พูดไปล่องลอยกลางอากาศ ผมส่ายหัวไปมาช้าๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมพยายามจะคุย หยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดไหล่อยู่มาซับหน้า เพราะผมเพิ่งจะเต้นเสร็จไปสองรอบ ผมเต้นได้แล้วเพราะมันโชว์ไม่กี่นาทีเอง ท่าก็ไม่ได้ยากอะไร  


ไม่รู้ว่าพวกทีมงานคิดอะไรอยู่ ถึงให้ผมกับหวังหยวนมาโชว์ด้วยกัน เรื่องคู่ชิปอะไรนั่นผมก็รู้นะ แล้วผมก็ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่ด้วย แต่คนที่สนใจดูจะเป็นคนตรงหน้าผมมากกว่า ก็เพราะเรื่องนี้นี่แหละทำให้น้องมึนตึงใส่ผมแบบนี้ไง คุยด้วยก็ไม่ยอมคุย ผมก็พอจะรู้แหละนะว่าเพราะอะไร อยากจะทำเป็นไม่สนใจแต่บางทีก็อดไม่ไหวเหมือนกัน อย่างเช่นครั้งนี้ก็ด้วย ต้องร่วมงานกันแท้ๆ อยากตำหนิอยู่เหมือนกันแต่ไม่ดีกว่า 


หวังหยวนถอนหายใจเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาหยิบผ้าสีขาวที่โยนทิ้งที่พื้นก่อนหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่ไหลมาตามใบหน้า ก่อนจะเดินไปกดเปิดเพลง good boy ผมแอบอมยิ้มน้อยๆ ต้องอย่างนี้สิ ตั้งแต่ที่ผมกับหวังหยวนรู้ว่าต้องขึ้นโชว์ด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มซ้อม หวังหยวนเป็นคนอดทนมาก เต้นไม่ได้เขาก็จะซ้อมอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะเต้นได้ ท่าไหนรู้สึกว่าไม่โอเคเขาก็จะเดินไปเปิดเพลงวนซ้ำอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะรู้สึกว่าโอเค ทำให้ผมรู้ว่าเขาใส่ใจและตั้งใจจะเต้นมาก น่าเสียดายที่เขาดื้อ ไม่ค่อยยอมฟัง เอ....หรือบางทีอาจจะฟังนะ เขาอาจจะมึนตึงแค่กับผม 


ผมนั่งอยู่เก้าอี้อีกฝั่งของห้องซ้อม ยกน้ำขึ้นดื่มอีกครั้ง เพลงGood Boyดังไปทั่วห้องซ้อม ผมฮัมเพลงตามไปเบาๆ สงสัยกันใช่มั้ยว่าผมกับหวังหยวนไม่คุยกันแล้วซ้อมกันยังไง เพราะเพลงก็ต้องใช้เพลงเดียวกัน....ครับ คิดถูกแล้ว เพราะผมโตกว่า(มาก) เลยจำใจต้องเอาMP3ขนาดพกพาที่เล็กพอที่จะเหน็บกางเกงหรือเสื้อไว้ได้เปิดเพลงซ้อมตั้งแต่แรก ทุกลักทุเลอยู่พอสมควร แต่ยังดีที่เคยมีกระสบการณ์มาบ้างแล้ว เลยไม่ค่อยแย่เท่าไหร่


แต่ยังไงสุดท้ายก็ต้องไปซ้อมด้วยกันอยู่ดี เคยดูคนเต้นด้วยกันมั้ยล่ะครับ ต้องมีอารมณ์หรือฟีลลิ่งแนวผู้ชายเท่ๆให้สาวๆได้กรี๊ดกันบ้างอยู่แล้ว
   

ผมส่ายหัวเมื่อถึงตอนที่ใช้สะโพกหมุน หวังหยวนทำไม่ได้ ไม่ได้นี่คือไม่ใช่แค่ไม่โอเค แต่เขาหมุนมันไม่ได้เลย ผมส่ายหัว นั่งดูเขาเดินกลับไปเปิดเพลงนับแล้วเกือบสิบกว่ารอบได้ หวังหยวนเต้นตั้งแต่แรกจนมาถึงท่านั้น แล้วก็หยุด นั่นหมายความว่าเขาจะไม่เต้นท่าต่อไปถ้าเขายังเต้นท่านี้ไม่ได้ จนเขาหมดความอดทน ขว้างผ้าเช็ดหน้าลงที่พื้นอีกครั้งแล้วกระแทกตัวนั่ง เข่าถูกชันขึ้นมาแล้วที่เจ้าตัวจะฟุบลงไป 


ผมถอนหายใจอีกครั้ง คิดว่าครั้งนี้คงต้องไปสอนเขาซะแล้ว ผมปล่อยให้หวังหยวนนั่งอยู่แบบนั้นสักพักจนสังเกตว่าไหล่และตัวเขาสั่นน้อยๆ โอ้....เขาร้องไห้เลยหรือนี่ ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก ทำไงดีวะ... 


สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปเขาหวังหยวนช้าๆ ไหล่เขายังขยับไหวขึ้นลงอยู่ ผมนั่งชันเข่ายองๆอยู่แบบนั้นสักพักเลย กว่าจะตัดสินใจค่อยๆยื่นมือไปแตะไหล่หวังหยวน 


“เฮ้ย ตัวเล็ก ร้องไห้เลยเหรอ ไม่เอาน่า เดี๋ยวฉันสอนก็ได้”


“...”


“โชว์2นาทีเอง ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ฉันรู้ว่านายเก่งอยู่แล้ว เห็นในเพลงนายก็เต้นดีนี่นา แค่พยายามอีกหน่อย”


“...”


“เอาน่า ไม่เป็น...”


“ใครบอกว่าผมร้องไห้” อ้าว....ผมเลิกคิ้ว พูดยังไม่ทันจบคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมา คิ้วเข้มนั่นขมวดมุ่น ดูน่ารักแปลกๆในสายตาผมทั้งที่เป็นเด็กผู้ชาย สายตามองตรงมาที่ผมคล้ายกับจะเอาเรื่องอยู่หน่อยๆด้วย ผมดึงมือตัวเองกลับ


“แล้ว...”


“แล้วใครให้เรียกว่าตัวเล็ก?.....สนิทกันเหรอ”


“พูดดีดีหน่อย ยังไงฉันก็รุ่นพี่นาย”


“...” ผมพูดแล้วเดินออกมาเลย เออ นึกหงุดหงิดอยู่เล็กๆเหมือนกัน คนอุตส่าห์จะเข้ามาสอน ไม่ว่าผมจะโตกว่าเขาแค่ไหนแต่อายุเท่านั้นก็คงไม่เด็กแล้วล่ะ คิดได้แล้วว่าต้องพูดยังไงวางตัวยังไง แต่พอนึกว่าได้หวังหยวนคงหงุดหงิดอยู่แล้วที่เต้นไม่ได้สักที บวกกับความเหนื่อย และไม่อยากคุยกับผมด้วย คำพูดเลยออกมาไม่ดี ช่างเถอะ 


ผมกลับมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเหมือนเดิม เดินไปเอามือถือในกระเป๋ามาเขี่ยๆจอเปิดดูนั่นนี่ไปเรื่อย สุดท้ายก็เปิดweibo ผมชอบไปฟอลโลวบ้านที่ตามถ่ายรูปตัวเอง ดูโรคจิตมั้ยที่ชอบดูรูปตัวเองที่พวกเขาถ่าย บางรูปก็ไม่เคยเห็นเลยว่าตัวผมเองก็มีมุมแบบนี้ ส่องกระจกแทบทุกวันทำไมไม่เคยเห็น แอบนึกทึ่งคนถ่ายรูปพวกนี้ ที่ถ่ายออกมาให้ผมดูเป็นที่มีหลายบุคลิกหลายตัวตน ผมยังเคยหลงตัวเองด้วยนะว่าบางรูปก็หล่อก็เท่เหมือนกัน (ค่ะ เอาที่ลุงสบายใจ)


จนสักพัก คิดว่าตัวเองเล่นมือถือนานไปแล้ว ช่วงที่กำลังลดโทรศัพท์ลงจากมือ ตรงหน้าผม... 


“หือ” 


“สอนผมหน่อย”....เบามาก ไม่ได้ยินอะไรเลย


“ว่าอะไรนะ”


“สอนผมหน่อย” ได้ยินแล้ว...ผมแอบยิ้ม คราวนี้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หวังหยวนที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า ทำหน้านิ่งๆจงใจกวนตีนเขานิดหน่อย 


“ฉันไม่ได้ยินที่นายพูดเลย” 


“ผม.... ผมเต้นเองก็ได้” หวังหยวนไม่ยอมพูดอีกครั้ง เขาพูดเหมือนจะกระแทกเสียงใส่ผมนิดหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในโทนเสียงปกติ ผมรีบคว้าแขนของน้องไว้อย่างถือวิสาสะตอนที่หวังหยวนหันหลังตั้งท่าจะเดินออกไป 


“ฉันจะสอนให้ แต่ขออะไรอย่างนึง” 


“...” หวังหยวนค่อยๆหันหลังกลับมา คิ้วยังขมวดมุ่น แต่ที่เขายอมหันกลับมาแสดงว่าเขาจะฟังที่ผมพูด 


“ห้ามพูดแบบเมื่อกี้ใส่ฉันอีก”


“...” 


“มันไม่ดีนะ ฉันไม่ได้โกรธนายหรอก แต่ไปทำกับคนอื่นเขาจะไม่มาพูดกับนายแบบนี้หรอกนะ” ผมพูดแล้วปล่อยแขนหวังหยวน ลุกขึ้นแล้วเดินไปตรงที่ที่เขาใช้ซ้อม ส่ายหัวให้ตัวเองเบาๆ สุดท้ายเผลอพูดออกไปจนได้ ใช้หางตามองก็ยังเห็นว่าหวังหยวนยังยืนอยู่ที่เดิม การถูกติหนิมันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับบางคน แต่ก็ไม่ใช่สำหรับทุกคนเหมือนกัน ผมไม่น่าพูดเลย หวังหยวนคงจะรู้สึกไม่ดี ผมเลยเดินกลับไปหาเขาแทน


“ไปซ้อมกันเถอะ ครั้งนี้ฉันจะซ้อมด้วย”


“ผมขอโทษ” ผมยิ้ม หวังหยวนเงยหน้าขึ้นมา ผมแทบหุบยิ้มไม่ทัน แย่ละ 


“เออ...เออ ไปเถอะ เดี๋ยวนายเต้นท่าต่อไปไม่ได้นะ” ผมรีบพูดกลบเกลื่อน ทำไมต้องรู้สึกกลัวอารมณ์น้องมากขนาดนี้นะ หวังหยวนเดินตามมายืนข้างๆผม เว้ยระยะห่างนิดหน่อย ด้านหน้าเป็นกระจกสะท้อนตัวของเราทั้งสองคน 


“ลองเต้นรอบนึงก่อน เต้นไปพร้อมกัน โอเคมั้ย” หวังหยวนพยักหน้า ผมเดินไปเปิดเพลง เมื่ออินโทรเริ่มขึ้นผมกับหวังหยวนก็เริ่มตั้งท่า เต้นตามสเต็ปไปตามจังหวะเพลงไปเรื่อยๆ ผมยิ้ม รู้สึกดีที่น้องทุ่มเทและตั้งใจเต้น ทุกท่าตั้งแต่เพลงเริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้ เราสองคนเต้นพร้อมกันมาก จนมาถึงท่าหมุนสะโพก ผมหมุนไปตามเพลง (มันมีท่าเด้งเป้าด้วยนะ ผมพยายามไม่สนใจ แต่ก็จับตัวเองได้ว่าเหล่มองของคนข้างๆบ่อยๆ ผมโรคจิตจริงๆหรือ) ตาก็มองหวังหยวนด้วย หวังหยวนหยุดเต้นทันทีที่ทำไม่ได้ เขาเดินไปปิดเพลง ทำให้ผมต้องหยุดเต้นไปด้วย 


“เอาล่ะ ใจเย็นๆ ฉันจะกรอกลับไป10วิ แล้วนายลองเต้นท่านี้ให้ฉันดูอีกครั้ง ตกลงไหม” ผมเดินกลับไปที่เทป หวังหยวนตั้งท่าแล้ว เป๊ะมาก ผมกดเล่น เมื่อเพลงเริ่มเล่นหวังหยวนก็เต้น จนไปถึงท่าหมุนสะโพกเขาก็ทำมันไม่ได้อีก ผมกดปิดเพลง


“กางขาออกแล้วโน้มตัวมาข้างหน้า” หวังหยวนทำตามที่ผมบอก ผมส่ายหัว แค่นี้ก็ผิดแล้ว ผมเดินอ้อมไปด้านหน้าเขาจับหัวเข่าหวังหยวนให้ให้นิ่ง ก่อนจะเดินอ้อมไปด้านหลังเขา มองตรงไปที่กระจก “ดูกระจก เวลากางขาเอาแค่พอดี แค่กางแค่ช่วงกว้างของหัวไหล่ตัวเองก็พอ แล้วดูนายค้อมตัว มันเยอะเกินไป” (ค้อมตัว = คล้ายก้ม แต่ไม่ได้โน้มตัวลงไปเยอะ งงขออภัยขอรับ)


“อะ....ถะ....ถิงเกอ” 


“หือ มีอะไร” ผมสอดมือทั้งสองข้างจากด้านหลังเข้าไปด้านหน้าหวังหยวน ปลายนิ้วมือค่อยๆดันหัวไหล่ให้ตัวเขายกขึ้นแล้วเอนมาด้านหลัง ได้ยินเสียงเขาครางเบาๆ “มองอะไร ดูที่กระจกสิ จะได้รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหนตรงไหน”


“คะ...คือว่า...” 


“นายปวดตรงไหนหรือเปล่า ฉันเผลอไปโดนตรงไหนที่ปวดเหรอ” ผมพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ จึงรีบดึงมือตัวเองออกมาจากตัวเขา 


“ปะ...เปล่าครับ” 


“อ้อ นึกว่าปวดตรงไหน ดูที่กระจก ท่านนี้เป็นท่าที่ต้องยืนแล้วค้อมตัวลงไปนิดหน่อยก่อนจะหมุนสะโพกใช่มั้ย เวลานายยืนเคยตั้งใจดูที่ขาหรือเปล่า อย่าคิดว่ามันไม่สำคัญนะ จุดสมดุลที่ขาสำคัญมาก อะ ทีนี้ลองหมุนสะโพกดู” ผมผละออกจากตัวหวังหยวน เมื่อเห็นเขายังไม่หมุนผมจึงถาม “ทำไมไม่หมุนล่ะ ยังทำไม่ได้รึ”


“เปล่าครับ...เอ่อ....ไม่เปิดเพลงเหรอ” ผมส่ายหัว


“ลองแบบไม่มีจังหวะก่อน” หวังหยวนพยักหน้า เขาเรียนรู้ไว พอผมบอกวิธียืนก็ตั้งท่าอีกครั้งได้เป๊ะพอดี อืม...น่ารักนี่นา พอพูดคุยกันแล้วก็น่ารักดี จะเมินใส่กันทำไมนะ ผมคิดเรื่อยเปื่อยจนหวังหยวนเรียก 


“เมื่อกี้ใช้ได้มั้ยครับ?” ตายละ...ไม่ได้ดู


“ลองอีกครั้งนึง” ผมบอก คราวนี้สายตาจับจ้องอยู่ที่หวังหยวน เขาตั้งท่าแล้วค่อยๆหมุนสะโพก...เออ....สวยแล้ว อืม พริ้วดี ทำไมเอวเล็กแบบนี้นะ......เชี่ย....ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย
 

“โอเคแล้ว เก่งนะเรา ไหนลองเปิดเพลงเต้นดีกว่า เอาเหมือนเมื่อกี้นะ แค่กรอไปก่อนหน้า10วิ” หวังหยวนพยักหน้า ผมทำหน้าที่ไปกรอเพลงแล้วกดเล่น หวังหยวนตั้งท่า พอถึงช่วงหมุนสะโพกเขาก็หมุนเลย...กลายเป็นว่าหมุนดีแต่จับจังหวะไม่ได้ ผมลืมบอกเขาไปว่าตอนที่ทำแบบไม่มีจังหวะมันก็จะง่ายกว่าเปิดเพลงอยู่แล้ว อะไรมันก็ดูง่ายหมดน่ะแหละถ้ายังไม่ได้ทำจริง  


“หวังหยวน จับจังหวะเพลงให้ได้ อีกครั้งนึงนะ” ผมกรอกลับไปแล้วกดเล่นเพลงใหม่ หวังหยวนก็ยังทำไม่ได้ เขาหมุนหลุดจังหวะไปหมด “โอเค มา พร้อมกันเลยดีกว่า” ผมเดินกลับไปกรอเพลง10วิ แต่ครั้งนี้เดินไปหาหวังหยวน เมื่อใกล้จะถึงผมเดินไปช้อนหลังเขาด้วยความรวดเร็วพอที่จะเต้นท่าต่อไปได้เลย ตั้งท่าเหมือนเขาทุกกระบวนท่า ล่อแหลมมาก... หวังหยวนถึงกับหยุดเต้นแล้วสะดุ้ง


“กะ...เกอครับ” 


“โทษที แต่เอาแบบนี้แหละ จะได้จับจังหวะได้ พร้อมนะ” หวังหยวนกลั้นหายใจแล้วพยักหน้า ผมก็ใจตุ้มๆต่อมๆ ใครมาเห็นเข้าคงโดนตราหน้าบ้างล่ะ ผมเดินไปกรอเทปอีกครั้ง เมื่อถึงท่าหมุนผมช้อนตัวด้านหลังหวังหยวนที่ไม่ได้ตกใจเหมือนทีแรก ตาเขามองกระจกดูที่ตัวเองเต้น ผมจับสะโพกของเขาไว้แล้วบังคับให้เป็นจังหวะตามที่ผมกำลังหมุนอยู่ ผมกลืนน้ำลาย ท่ามันล่อแหลมมากจริงๆ ยิ่งหวังหยวนจับจังหวะไม่ได้มากเท่าไหร่ ผมจำเป็นต้องจับสะโพกเขาเอาไว้แน่นบังคับให้เป็นไปตามท่าที่ถูกต้อง


“หวังหยวน พอจะจับจังหวะได้หรือยัง”


“เอ่อ....ผมขอลองเต้นเองก่อนดีกว่า” หวังหยวนพูดเสียงเบา ผมพยักหน้าแล้วเดินไปเปิดเพลง เปิดตั้งแต่แรกที่เพลงขึ้น หวังหยวนตั้งท่าใหม่ 


ผมว่าแก้มน้องแดงนะ หึหึ 


ผมเปิดฝาขวดน้ำ แม้กระทั่งตอนยกชวดน้ำขึ้นดื่มก็ไม่ยอมให้สายตาตัวเองละไปจากภาพตรงหน้า บอกตรงๆว่านั่งดูหวังหยวนเต้น...เคลิ้มมาก บอกไม่ถูกว่ารู้สึกแบบไหน อาจจะเป็นเพราะว่าผมชอบเต้นอยู่แล้วด้วย....เออ....เออ....ไม่จริง ผมโกหกตัวเองจริงๆแล้วผมชอบดูหวังหยวนเต้นต่างหาก ให้ไปดูผู้ชายตัวเท่าควาย(แบบผม)เต้นก็คงไม่เอาด้วย ขนลุกว่ะ...


“ผมเต้นได้แล้ว!


“...” 


หมับ


“ไปเต้นพร้อมกันนะครับ” ผมยิ้ม ลุกขึ้นยืนตามแรงดึงเบาๆของคนตัวเล็กกว่า ผมคิดว่าตัวเองคงจะคิดไปเองว่าเวลามันช้าลง เมื่อกี้ยังนั่งดูน้องอยู่เลย ทำไมอยู่ๆสัมผัสนุ่มนิ่มถึงมาจับจูงที่มือผมซะแล้ว 


เราเต้นด้วยกันสองรอบ แล้วผมก็ปล่อยให้หวังหยวนไปแกะท่าที่เหลือต่อ มันคงไม่ยากเท่าไหร่แล้ว พรุ่งนี้เราสองคนก็จะอัดรายการด้วยกัน ผมส่งยิ้มเล็กๆให้คนตัวเล็กที่หันหน้ามายิ้มให้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นแทบจะไม่อยากคุยกับผมเลยด้วยซ้ำ เขาคงแค่ไม่อยากคุยกับผมตัดปัญหาอะไรพวกนั้นมากกว่า หวังหยวนวางขวดน้ำลงแล้วเดินไปเปิดเพลงอีกรอบ ผมไม่ได้ไปเต้นกับหวังหยวนต่อแล้ว แต่ก็นั่งดูเขาซ้อมหลายรอบจนเขาเลิกซ้อม เราไปกินข้าวเย็นด้วยกัน สักพักผู้จัดการน้องก็มารับ ผมโบกมือให้เขา พร้อมกับพูดต่อเบาๆในใจ 


แล้วเจอกันนะ 

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
I am a good boy. 
แล้วเจอกันใหม่นะ 


1 กุมภาพันธ์ 2559

[OS] GAME vs Wangyuan #ถิงหยวน





-เมื่อวิลเลียมติดเกม-






ผมเคาะประตูรถตู้ที่เป็นที่พักส่วนตัวของถิงเกอ ผมยืนรอเขาอยู่ด้านนอก เพราะไม่อยากผลีผลามเข้าไป ถึงเขาจะบอกว่าถ้าผมมาให้เปิดแล้วเข้าไปได้เลยก็ตาม ผมเคยทำแบบนั้น แต่ตอนนั้นเขาเหลือแต่บ็อกเซอร์ แล้วผมก็เปิดประตูโพล่งเข้าไป ไอ้ลุงบ้ายังมีหน้ามายิ้มให้ผมอีก เขินจะบ้าตายอยู่แล้ว ผมคว้าเสื้อทหาร(ที่เขาใช้ถ่ายในกอง)ข้างๆปาใส่เขาแล้วรีบลงจากรถมาในตอนนั้น ไม่ลืมที่จะตะโกนกลับไปว่าใส่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมถึงจะเข้าไป หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปอีกเลย


แต่วันนี้แปลก


ผมมองประตูของรถที่ยังปิดสนิท ผู้จัดการของเขาบอกผมแล้วว่าเขาเข้ามาพักตั้งนานแล้วนี่ และเขาไม่มีคิวถ่ายถึงวันมะรืน(ผมก็ไม่มีงาน แล้วผมก็จะมานอนกับเขาคืนนี้ด้วย...อ่า เขินจัง) ผมอยากจะลองเคาะอีกครั้ง หรือว่าเขาไม่ได้อยู่ด้านในนะ ผมยืนรออยู่อีกพักนึงก็ทนไม่ไหว เคาะประตูอีกรอบ คราวนี้ผมตะโกนเรียกเขาด้วย


“ถิงเกอครับ อยู่ด้านในหรือเปล่า” เสียงกอกแกกดังขึ้นมาทันทีก่อนที่ผมจะได้ยินเขาตะโกนกลับมา


“หวังหยวนเหรอ เข้ามาเลย” ผมขมวดคิ้ว เขาก็อยู่ด้านในนี่นา แล้วทำไมไม่ลุกมาเปิดประตูให้ผมตั้งแต่ทีแรกล่ะ หรือว่าเขาจะไม่รู้ว่าเป็นผม ผมไม่รอให้เขาบอกอีกครั้งแต่เปิดประตูรถเข้าไปเลย ไม่ลืมที่จะปิดมันไว้ด้วยเพราะอากาศข้างนอกค่อนข้างเย็น และถิงเกอก็รักความเป็นส่วนตัวที่สุด เขาบอกว่ารถคันนี้นอกจากคุณแม่แล้วก็มีแค่ผมที่ได้ขึ้นมา....///


“มาแล้วจะกลับตอนไหนล่ะ” ผมวางเป้ลงบนเกาอี้แล้วมองเขา คิ้วเริ่มขมวดมุ่น อ๋อ ที่ไม่ยอมลงไปเปิดประตูให้ผมเนี่ย เพราะอย่างนี้นี่เองสินะ


“ผมเพิ่งมา จะให้ผมกลับเลยเหรอครับ?”


“เปล่าน่า หิวหรือเปล่า...ชิท!” ถิงเกอสบถเสียงดังลั่น


ตรงหน้าเขามีจอมอนิเตอร์ ในมือเขามีจอยสติ๊กอยู่ ถิงเกอกำลังเล่นเกมแข่งบอล ดูเหมือนว่าทีมเขาเกือบจะพลาดให้อีกฝ่ายยิงเข้าประตูจากที่ผมสังเกต ที่เขาสบถเสียงดังลั่นเมื่อกี้นั่นแหละ ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา ใกล้แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน(เพราะส่วนใหญ่เขาจะทำ เขาชอบรุ่มร่ามใส่ผม) ถิงเกอก็ยังไม่รู้สึกและไม่ยอมหันมามองหน้าผมเลย ปกติแล้วผมจะแหย่เขาไม่ได้ เพราะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเขา


มือเขากดเลื่อนปุ่มในมือนั่นดูมันส์และสนุกมาก ตาก็มองแต่จอ


ผมย่นจมูก ไม่อยากน้อยใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ ถิงเกอไม่ได้ถามอะไรผมต่อเลยหลังจากประโยคที่ถามว่าผมกินอะไรหรือยัง ผมอยากจะตอบเขาว่ายังแต่ไม่เอาดีกว่า ดูเขาจะมีสมาธิมากกับการเล่มเกม ช่วงนี้เขาอาจจะเครียดจัดเรื่องถ่ายละคร ผมเองก็งานเยอะ แค่อยู่ด้วยกันก็พอ ผมไม่อยากกวนเขามาก ผมนั่งลงที่เตียง มองเขาที่ตาแทบไม่กระพริบ ดูเขาเล่นเกมแบบนี้ก็ดูดีไปอีกแบบ


แฟนผมหล่อจริงๆนะ


ถิงเกอดูดีมากถ้ามองภาพโดยรวม ผมไม่ค่อยเห็นสีหน้าจริงจังของเขาเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขากำลังจริงจังอยู่ และเขาก็หล่อมาก ถิงเกอเป็นคนหน้าดุ แค่เขาทำหน้านิ่งๆบางทีคนอื่นก็คิดว่าเขาอารมณ์ไม่ดีแล้ว ผมนั่งลงที่เตียง ด้านในรถนี้อากาศอุ่นกว่าข้างนอกมาก ผมจึงถอดเสื้อโค้ดสองชั้นที่ใส่มาออกแล้วแขวนไว้แถวนั้น ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาเล่มเกมทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย ผมจะบอกสตาฟเขาแน่ๆ(พวกเขารู้จักผมหมดแล้วเพราะผมมาหาถิงเกอบ่อย)


“เอาอะไรมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปหาให้”


“...” เสียงที่ได้ยินตอบกลับมาคือเสียงเกม ผมส่ายหัว เขาคงไม่ตอบผมหรอก ให้ตายเถอะ เขาอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย ผมลุกขึ้นแล้วไปหาอะไรกินแถวด้านหลังของรถที่เป็นโซนเก็บของว่างแทน มีหลายอย่างเลย น้ำผลไม้ แซนด์วิช บลาๆ ผมนั่งกินจนอิ่ม มือก็เลื่อนโทรศัพท์ในมือดูอะไรไปเรื่อย


ในแชทเชียนซีกับต้าเกอแซวมาว่าไปถึงไหนแล้ว ผมส่งอิโมเบื่อหน่ายกลับไป แล้วตอบพวกเขาว่าห่างแล้ว ตอนนี้ถิงเกอเล่นเกมส์อยู่ด้านใน ส่วนผมอยู่อีกส่วนของรถหาอะไรกินอยู่ พวกเขาหัวเราะกลับมาแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมตอบไปว่าเขาติดเกม ไม่ยอมลงมาเปิดประตูให้ผมด้วย


ผมเล่นมือถือไปกินไปจนไม่รู้เวลาเลยมามากเท่าไหร่ ยกนาฬิกาขึ้นดูตอนนี้ก็ทุ่มนึงแล้ว โห ผมนั่งอยู่ตรงนี้มาตั้งสามชั่วโมงแล้ว ปกติผมไม่ค่อยได้เล่นมือถือหรอกเพราะพี่ผู้จัดการไม่ค่อยให้เล่น เดี๋ยวจะติดเป็นนิสัย ผมเก็บมือถือแล้วเดินเข้าไปด้านใน


เสียงเกมยังดังอยู่เหมือนเดิม เสียงมือที่เลื่อนปุ่มจอยสติ๊กในมือก็ยังเหมือนเดิม เหมือนกับตอนแรกที่ผมเข้ามาในรถ


ถิงเกอยังเล่นเกมอยู่เหมือนเดิม!


ผมหน้างอ เล่นนานขนาดนี้มันไม่ใช่แล้ว เขาไม่มีคิวถ่ายถึงต้งวันมะรืนก็ควรจะพักสิ ไม่ใช่มาเล่นเกมแบบนี้ แล้วเดี๋ยวผมก็มีงาน ไม่ได้มาหาเขาแน่อีกเป็นเดือน มาแล้วเขาก็ติดเกมแบบนี้เนี่ยนะ


“ถิงเกอครับ พอได้แล้วนะครับ พี่นั่งเล่นมาตั้งสามสี่ชั่วโมงแล้ว”


“หืม จริงเหรอ”


“ก็จริงสิครับ พี่ควรจะไปอาบน้ำแล้วมานอนพักผ่อนได้แล้ว” ผมเริ่มงอแง ถิงเกอพูดแบบไม่มองหน้าผมอีกแล้ว


“อีกตาเดียว ไปอาบน้ำก่อนเลย”


“ถ้าผมออกมาแล้วพี่ต้องเลิกเล่นนะครับ”


“โอเคเลย” ผมยิ้มกว้าง เตรียมตัวเองเสื้อผ้าไปอาบน้ำ คิดไว้ว่าออกมาเขาคงเลิกเล่นและเก็บเกมเตรียมไปอาบน้ำเหมือนกัน ผมอมยิ้ม อยากกอดเขามากๆเลย คิดถึงกอดถิงเกอ เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่มีอ้อมกอดอบอุ่น เวลาเขาถ่ายละครแล้วมีฉากกอดบางทีผมก็แอบหวง แต่พอเป็นทีผมถิงเกอไม่ได้แอบ เขาหึงผมมากกว่าที่ผมหวงเขาอีก


ผมใช้เวลาอาบน้ำเกือบ20นาที น่ำอุ่นมาก อากาศข้างนอกเย็นจนหิมะจะตกได้อยู่แล้ว ผมใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อเชิ้ตของถิงเกอ อาบเสร็จกก็ออกมา ตั้งท่าจะเรียกเขาให้ไปอาบเลย


แต่เขายังไม่เลิกเล่นเกม!


“ไหนพี่บอกว่าอีกตาเดียวไงครับ?” ผมเดินไปยืนข้างๆเขาแล้วพูดเสียงห้วนใส่ ผมรู้ตัวว่าพูดแบบไหนอยู่ ก็ผมไม่พอใจนี่!


“ก็...นี่ไงอีกตาเดียว จริงๆนะ” ผมหน้าหงิก ถอยหายใจออกมาแบบฟึดฟัด ปกติผมต้องเก็บอารมณ์มากกว่านี้ แต่ผมจะไม่เก็บตอนนี้! ผมยืนมองถิงเกอที่มองจาไม่วางตา เขาโปรจนไม่มองจอยสติ๊กที่มือเลย เลื่อยอย่างเดียว ไอ้เกมตรงหน้านี่มันสนุกตรงไหนเนี่ย! มันดีกว่าผมที่ยืนอยู่ข้างเขาตอนนี้หรือไง


“...” ผมยืนมองถิงเกอแบบไม่รู้ว่าจะทำยังไง ไอ้อาการที่โวยวายใส่เขา บอกให้เขาเลิกไม่ใช่นิสัยผมเลย ผมทำมันไม่ได้และถิงเกอเองก็คงไม่ชอบด้วย ผมเม้มปาก ลากเก้าอี้มานั่งมองหน้าเขาทีเอาแต่จ้องจอนิ่งๆ เริ่มคิดว่าจะทำยังไงให้เขาหยุดเล่นเกมบ้าๆนี่สักที


ความคิดนึงวาบเข้ามาในหัว ผมหน้าแดง


ถ้าทำอย่างนั้นจริง ถิงเกออาจจะเลิกเล่นเกมก็ได้ เขาเคยบอกว่าอยากให้ผมลองทำแบบนั้นบ้าง บ้า...ใครจะไปทำ แค่ที่เขาทำผมก็เขินจะตายอยู่แล้ว ผมจะไปกล้าทำได้ยังไงเล่า...


แต่ถ้าทำแล้วเขาเลิกเล่นเกมล่ะ มันก็น่าลองไม่ใช่เหรอ ผมปลอบใจตัวเอง ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำแบบที่ตัวเองคิดเอาไว้ดีไหม สุดท้ายผมก็ตัดสินใจได้


ผมจะทำ


ถิงเกอยังไม่ยอมละสายตาออกจากจอเหมือนเดิม ผมลุกขึ้นเดินไปด้านหลังเขา ก่อนจะเลิกเสื้อขึ้น แล้วถอดกางเกงขาสั้นด้านในออก เหลือแต่กางเกงชั้นใน... อ่า ผมเอามือปิดขาตัวเอง รู้สึกวาบหวิวยังไงไม่รู้ ทั้งที่ก็เคย...ไม่พูดแล้วดีกว่า ผมกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนจนรู้สึกได้ หรือว่าผมจะไม่ทำแล้วดีนะ? แต่เสียงกดจอยสติ๊กยังดังกอกแกก นั่นทำให้ผมตัดสินใจได้เด็ดขาดทันที


ผมเดินไปยืนอยู่ที่เดิมคือข้างๆเขา


“หวังหยวน เดี๋ยวเลิกเล่นแล้วน่า อีกแปบนะ” เขาพูดไปมือก็กดไป แต่ผมไม่เชื่อเขาแล้ว ผมยืนหลับตาทำใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจขยับเข้าไปใกล้ แล้วสอดตัวตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนถิงเกอในท่านั่งคร่อมตักเขา ผมหน้าร้อนจัด รู้สึกขาอ่อนตัวเองโดนขอบเก้าอี้เขา มันเย็นจัดจนผมสะดุ้งเบาๆ ผมใช้มือสอดโอบรอบคอเขา


“หวังหยวน...” เสียงถิงเกอแผ่วเบา เขาเลื่อนสายตามามองหน้าผมแบบอึ้งๆเหมือนไม่คิดว่าผมจะใช้วิธีนี้ ผมกัดริมฝีปากก้มหน้ามุดซอกคอเขา  “ชิท!....เข้าไปแล้วลูกนึง! เขาสบถก่อนที่จะละสายตาออกจากผมไปมองจออีก ถิงเกอขยับท่า เขาขยับแขนเหมือนกอดผมแต่มือก็กดจอยสติ๊ก เม้มปากปากแน่น ผมทำขนาดนี้แล้วยังจะเล่นอีกเหรอ!


“ถิงเกอครับ” ผมขยับแขนโอบกอดรอบคอเขาแน่นขึ้นอีก ขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วพูดข้างหูเขาเสียงเบา “เลิกเล่นเกมนะ....นะครับ” ผมกัดปากแน่นหลับตาปี๋ ทำไมผมต้องทำขนาดนี้เนี่ย.... ถ้าถิงเกอไม่ยอมเลิกเล่นจริงๆผมจะไม่ทำแล้ว จะงอนเขาไปเลย


แต่เขาก็ยังไม่ยอมเลิกเล่นจริงๆด้วย


อะไรกันเนี่ย ผมผละออกมานั่งนิ่งๆอยู่บนตักเขา เริ่มทำตัวงอแงก่อกวนเขา ถ้าเขาจะโกรธผมก็ช่วยไม่ได้แล้วนะ! ผมขยับตัวเข้าไปใกล้เขาอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเอียงหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ ใบหน้าเขาสากน้อยๆตรงช่วงที่คาง ตอหนวดจางๆที่เขาโกนแล้วครูดกับหน้าผมเบาๆจนต้องผละออก


“อะ...อ๊ะ”


ปึก!  


ผมตกใจตาโต รู้ตัวอีกทีเอวก็ถูกแขนแข็งแรงโอบกอดเอาไว้แล้ว จอยสติ๊กในมือของถิงเกอถูกวางไว้หน้าจอด้านหลังเสียงดัง


“ฉันแพ้” ผมเอามือดันอกเขาไว้ รู้ตัวแน่แล้วว่าที่ตัวเองทำลงไปก่อภัยกลับมาให้ตัวเอง ถิงเกอยิ้มแพรวพราว เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนปลายจมูกเราชนกัน ผมจะถอยแต่แขนเอาก็กอดผมเอาไว้ ผมขยับไม่ได้เลย


“ปะ...ปล่อยผมนะ” ผมพูดเสียงแผ่ว หน้าแดงจัด หลบสายตาของถิงเกอที่มองมาอย่างมีเลศนัยชัดเจน คนบ้า...ทำไมเขาหื่นขนาดนี้เนี่ย สัมผัสหนักๆกดลงที่แก้มผมแรงๆ ผมครางฮือในคอ ตัวถูกรั้งเขาไปในอ้อมกอดของเขามากขึ้น


“หืม...ปล่อย? แล้วเมื่อกี้ใครขึ้นมานั่งบนนี้เองนะ” เขาตบขาตัวเองเบาๆทำให้ผมหน้าร้อนยิ่งกว่าเก่า


“ก็พี่ไม่สนใจผมนี่! เอาแต่เล่มเกมอยู่นั่นแหละ” ผมเหมือนรู้สึกพลาดที่เผลอกันกลับมาสบตากับเขา ถิงเกอยื่นหน้าเข้ามาจนริมฝีปากเราแนบสนิทกัน เขายังไม่ได้รุกล้ำผมไปมากกว่านั้น เหมมือกัยเขาจูบเฉยๆแล้วผละออกไป


“หลอกง่ายจังเลยนะ ให้ฉันหลอกคนเดียวก็แล้วกัน” หลอกอะไรเนี่ย...


“หลอกอะไร...คะ...ครับ...อ๊ะ....อย่า...อย่าลูบ” ถิงเกอยิ้มแววาวมากกว่าเดิม เหมือนเขาอึ้งมากกว่าเดิมที่ผมไม่ได้ใส่กางเกง มือเขาเอาแต่ลูบไล้ขาของเขาอยู่นั่นแหละ ไอ้คนหื่น ผมจับแขนเขาเอาไว้เพื่อให้หยุดลูบสักที ผมรู้สึกวูบวาบไปหมด


“ฮะๆ”


“ไปอาบน้ำเลยนะ”ผมพูดเสียงแผ่ว แต่คางกลับถูกจับให้เงยหน้าขึ้น ถิงเกอโน้มหน้าเข้ามาแล้วแนบริมฝีปากลง ผมหลับตาลง ขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วโอบแขนรอบคอเขาเอาไว้ จูบเนิบนาบเริ่มเปลี่ยนเป็นอีกแบบ ริมฝีปากผมถูกเขาดูดดุนอย่างหนักหน่วง มันไม่แรงจนเจ็บ....แต่เร่าร้อนมากกว่า ผมปรืตามองเขาก่อนจะอ้าปากปล่อยให้เขาสอดลิ้นเข้ามา เราสองคนสบตากันระหว่างที่จูบ ผมสอดมือเข้าไปในเส้นผมของเขา ขยับริมฝีปากจูบตอบเขาไปบ้าง


“อา...อ๊ะ.....ปะ....ไปอาบน้ำ....ก่อน...นะ...คะ...ครับ” ผมหอบฮั่ก เมื่อถิงเกอละริมฝีปากออกไป กระดุมเสื้อเชิ้ตของผมถูกปลดออกทีละเม็ดพร้อมกับริมฝีปากเขาที่ไล่พรมจูบลงมาเรื่อยๆตั้งแต่ต้นคอ ผมครางอื้อ แทบจะไม่มีสติเหลืออยู่แล้ว อยากห้ามไม่ให้เขาทำรอยเอาไว้แต่ก็แทบจะพูดไม่เป็นคำ


“อ๊ะ...อ๊า....อย่านะครับ” มือของถิงเกอสอดเข้ามาในเสื้อผมที่ด้านหลัง ผมใช้มันดันแผ่นหลังผมให้หยัดแผ่นอกไปด้านหน้า ก่อนที่ริมฝีปากเขาจะโน้มลงมาดูดเม้มยอดอกของผม ตอนนั้นสมองผมขาวโพลนไปหมด ทั้งเสียวทั้งเจ็บ รู้สึกปวดหนึบที่ส่วนนั้นของตัวเองไปหมด แต่อยู่ๆถิงเกอก็หยุดทั้งหมดนั่น แล้วเขาก็...หัวเราะ!


“ฮ่าๆๆๆๆ”


“ถะ...ถิงเกอ”


“น่ารักจังเลยเด็กน้อย ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ถิงเกอขยิบตาใส่ผมลุกขึ้น เขาอุ้มผมมาแล้ววางผมไว้เก้าอี้ด้านข้างแทนก่อนที่เขาจะลุกขึ้นไปแล้วถอดชุดนั่นออก


“แกล้งผมเหรอ!” ผมตะโกนใส่เขาเสียงดัง ก้มหน้าลงแล้วเอามือปิดหน้าเอาไว้ อ๊า....ผมอายจังเลย ฮึ่ม!


“ไมได้ได้แกล้งสักหน่อย เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จก็ออกมา...ทำต่อ” เสียงเขาเข้ามาพูดใกล้ๆผมตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมเงยหน้าขึ้นมาสองพยางค์สุดท้ายก็ดังอยู่ข้างๆหู ผมหน้าแดงจัด ทำต่อบ้าบออะไร ผมไม่ให้ทำแล้ว!


ปึก!


“ไม่ให้ทำ! ผมไม่นอนกับพี่แล้ว!” ผมลุกยืนขึ้น ไม่ได้สนใจสภาพตัวเองเท่าไหร่แล้วตรงไปที่เสื้อโค้ดตัวเอง พี่ถิงถอดเสื้อออกหมดแล้วเหลือแต่กางเกงของเขา เขาคว้าเอวผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะไปถึงเสื้อ ผมดิ้น “ไม่ต้องมาจับผมเลยนะ ไอ้ลุงบ้า!


“งอนเหรอ หื้ม” เขายิ้มเผล่พูดเสียงเย้าอยู่ข้างๆหูผม แผ่นหลังผมแนบไปกับแผ่นอกเขาเพราะเขากอดผมอยู่ ขนาดผ่านเสื้อเชิ้ตผมยังรู้สึกร้อนวูบวาบขนาดนี้ ผมยืนนิ่งเพราะเขินจัด “อะไรกัน งอนฉันจริงเหรอเนี่ย” ตัวผมถูกจับให้หันให้เผชิญหน้ากับเขา ถิงเกอแทบจะขำอีกรอบเมื่อเห็นหน้าผม ผมทุบอกเขาหน้าหงิกงอ


“ไม่แกล้งแล้วน่า”


ฟอด!


“ฉันอาบน้ำก่อน เดี๋ยวมาต่อจริงๆนะ”


“ต่อบ้าอะไรเล่า ผมจะนอนแล้ว!” ผมผลักเขาออก ถิงเกอยอมถอยออกไปอย่างง่ายดาย ดูเขาขำผมมากจริงๆ ฮึ่ย!




 -------------------------------------------------------------------------
my fin.