ผมกัดฟันมองหน้าไอ้(ห่า)นักศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตร์คนหนึ่งอยู่
แล้วโยนtextเล่มหนึ่งลงบนโต๊ะใส่หน้ามัน
รู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะสบถด่าแต่ต้องรักษาภาพพจน์ความเป็นอาจารย์ไว้
“คุณลองไปศึกษาพวกโครงสร้างของตึกมาใหม่ แต่ครั้งนี้ไม่ต้องจำลองมาให้ผมดู
แต่คุณไปขึ้นแบบใน Psมาให้ผมดูแทน ผมให้เวลา 3 วัน ถ้าคุณยังปล่อยปละละเลยงานของคุณผมจะไม่ช่วยคุณอีก”
“ครับ...” มันรับคำแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม
มือก็เก็บหนังสือที่ผมโยนให้เมื่อครู่ ยิ้มยียวนก่อนจะจูบแก้มผมเร็วๆหนึ่งที
“อาจารย์....”
“ไอ้พานจื่อ!!!” ผมแหกปากลั่นคว้าไม้สเกลใกล้ๆหยิบปาใส่พานจื่อที่รีบวิ่งออกจากห้องพักอาจารย์ไป
ห่านี่ จะให้ตบะแตกจนได้สินะ
เชี่ยเหอะ
ขยันสร้างความหงุดหงิดให้คนอื่นเขาซะจริง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของสาขาพานจื่อ
ตอนเข้ามาใหม่ๆเขาก็ยังทำงานส่งตามปกติ สอบได้ดีด้วยซ้ำเข้าขั้นเรียนดีคนหนึ่งเลย
แต่ต่อมาเรื่อยๆความสนิทมีมากขึ้นไง เขาก็กวนตีน หยอกนั่นเย้านี่ไปเรื่อยเปื่อย
จนผมรู้ว่าเขาชอบผมนั่นแหละ ในฐานะอาจารย์กับนักศึกษาน่ะผิด แต่นอกมหาลัยไม่ได้ผิดนี่หว่า
สรุปคือเขาก็เป็นนักศึกษาในรั้วมหาลัยข้างนอกเป็นแฟนผม
แล้วผมเคยบอกเขาไปแล้วหลายหนว่าตอนอยู่ในมหาลัยห้ามทำอะไรแบบนี้
พูดหยอกก็ไม่ได้คนอื่นจะมองไม่ดี แต่เขาก็ยังทำ ถึงแม้คนอื่นจะไม่เห็นก็เหอะ
ผมเคยโกรธเขาจนไม่อยากคุยด้วย แต่ก็โดนเขาดึงไปจูบจนปากแทบแหลกคาปากมันไง
สุดท้ายก็ต้องยอม
แล้วครั้งนี้ก็อีก
ไอ้แบบจำลองเนี่ยมันไม่ได้ยากเย็นมากมายเลยเหอะ ส่งมาชุ่ยๆจนต้องแก้สองสามรอบ
เรียกมาพบทุกครั้งเขาก็จะหาเศษหาเลย อย่างเขาน่ะเหรอไม่ได้เรื่อง
หาเรื่องมาแกล้งมาแหย่ผมมากกว่า ผมถอดแว่นตาออกก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นนั่งลงบนโต๊ะทำงานเตรียมเนื้อหาไปสอนต่อช่วงบ่ายข่มจิตข่มใจที่เต้นผิดจังหวะทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้
ก็ชอบเหมือนกันไง
แต่สถานะและสถานที่มันไม่เอื้ออำนวย อดทนหน่อยก็ไม่ได้
“โอ๊ะ!...อะ...อ้าวอาสาม เอ่อ ผมช่วยถือมั้ย” ผมที่กำลังเดินออกห้องมาได้สามสี่ก้าวก็เจอหลานชายตัวดีของผมที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำพอดี
ดูลุกลี้ลุกรนแปลกๆ รีบไปไหนของมัน
“อย่ามากวนประสาทฉัน แล้วทำไมเสื้อแกถึงหลุดรุ่ยแบบนั้น
ทั้งชายเสื้อปกคอเสื้อ” ผมมองเขาที่จับปกคอเสื้อให้เข้าที่เข้าทางอย่างงกๆเงิ่นๆ
“ผมมาเข้าห้องน้ำไง...แล้ว...แล้วเอ่อ..คือผมลืมจัด...” เขาตอบเสียงเบา “ถ้าอาไม่ให้ผมช่วยผมไปแล้วนะ”
“นายจะไปไหน อู๋เสีย”
หลานชายผมที่กำลังจะหันหลังขมวดคิ้วกับเสียงนิ่งๆเสียงหนึ่งที่เรียกเขา หมอนี่แต่งตัวไม่เรียบร้อยเหมือนกัน แต่มันไม่ได้หลุดรุ่นแบบอู๋เสีย
เขาเดินออกมาจากห้องน้ำมายืนใกล้ๆผม
ไอ้เด็กพวกนี้
“อะ...ไป....ไปเรียนไง นายจะไปไหนก็ไปสิ!” เขาตะโกนใส่ไอ้หมอนี่ก่อนจะรีบวิ่งออกไป
ผมมองคนข้างๆที่สูงกว่าตัวเองนิดหน่อยกำลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
“...?”
“เป็นเพื่อนหลายชายฉันหรือ?”
“ครับ”
“ฝากบอกเขาด้วย คราวหน้าเรียกอาจารย์ ห้ามเรียกอาสาม แล้วพวกนาย….”
ผมชี้หน้าเขา “ห้ามทำอะไรแบบนี้อีก”
“อย่างน้อยก็ห้ามทำในมหาลัย”
ผมว่าเสร็จก็หมุนตัวเดินออกมา
ยกนาฬิกาที่ข้อมือพบว่าเลทไปเกือบ5นาทีแล้ว
สามชั่วโมงวันนี้กับนักศึกษาปีสาม
“เอ่อ...คุณอู๋คะ คุณช่วยเอาเอกสารไปคืนคุณเซี่ยที่คลาสข้างๆคุณหน่อยได้ไหมคะ
พอดีฉันรีบไปจริงๆค่ะ คุณพอจะสะดวกไหมคะ” ผมกำลังจะเดินถึงห้องแล้วกลับเจอเหวินจิ่นกลางทาง
เธอดูรีบร้อน ผมลังเลครู่หนึ่งเพราะตอนนี้ผมก็สายมากแล้วเช่นกัน
แต่เห็นเธอดูรีบจริงๆจึงรับปากไป
“ได้ครับ”
“อ่า คุณดูของเยอะอยู่แล้วนี่คะ
งั้นรอสักครู่นะคะเดี๋ยวฉันไปเรียกนักเรียนในคลาสคุณสักคนมาช่วยถือ”
“ไม่เป็น....” จะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ไม่ทันแล้ว
เธอวิ่งไปก่อนผมจะพูดจบซะอีก เธอดูไม่เกรงใจผมเลยแต่กลับไปเรียกให้คนมาช่วยถือแทน
ดูท่าธุระครั้งนี้จะสำคัญมากจริงๆ
ยืนรออยู่สักครู่ก็เห็นนักศึกษาชายตัวสูงเดินตรงมาทางผม
ไอ้หน้าหล่อๆ นั่นผมจำได้ดี
“กลับเข้าห้องเรียนไป ฉันถือเองได้”
เขาไม่ได้พูดอะไร
แต่เลิกคิ้วแล้วแย่งเอาของในมือผมไปหมด “อาจารย์เฉินบอกให้ผมมาช่วย
คุณอย่าเรื่องมากเลยน่า” เขาพูดก่อนจะหันหลังเดินไปทันที
“ฉันบอกว่าไม่ต้องมายุ่งไง แล้วคราวหน้าก็อย่าทำแบบในห้องอีก
เรียกฉันว่าอาจารย์อย่าเรียกชื่ออื่น” ผมพูดประโยคท้ายเสียงเบา
ยอมเดินตามเขาไปเฉยๆ
“ชื่อไหนล่ะ” เขาหยุดเดินจนผมที่เดิมตามเกือบชนหลัง
“คุณไม่อยากให้คนอื่นรู้ขนาดนั้นเลยรึไง?”
“ผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่หรือ” ผมจ้องหน้าเขา “ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น”
“ตอบที่ผมถาม”เขาหันหน้ามาสบตาผมกลับ
เป็นผมเองที่ทนสายตาแบบนั้นของเขาไม่ได้
“คุณจะทำผมสายไปมากกว่านี้ รีบเข้าห้องเรียนเถอะ
นี่ผมเลทมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว” ผมพูดตัดบทถอนหายใจก่อนจะเดินนำเขาไป
พานจื่อเป็นพวกใจร้อน แม่งก็พอพอกันกับผมน่ะแหละ
ถ้าพูดคุยกันตอนนี้นอกจากผมจะไม่ได้สอนแล้วยังต้องทะเลาะกับเขาอีกแน่ๆ
------------------------------------------------------------------------------------
“วันนี้พอแค่นี้ อย่าลืมไปทวนตรงที่ผมสอนไปวันนี้ด้วย”
ผมพับหนังสือในมือ
พยักหน้าให้นักศึกษาที่เดินมาเคารพ เสียงเก้าอี้เลื่อนเสียงดังระงมเพราะนักศึกษากำลังทยอยออกจากห้อง
เมื่อเช็คความเรียบร้อยเสร็จก็จะเดินออกจากห้องเรียนกลับบ้าน
“อะ....เชี่ย! ใครวะเนี่ย!”
ในขณะที่กำลังจะเดินออกไปแขนถูกดึงกลับเข้ามาในห้อง
ประตูห้องเรียนถูกปิดเสียงดังลั่น ก่อนที่ไหล่กับลำตัวจะถูกกดแนบไปกับประตู
ผมตะโกนด่าลั่นใช้หนังสือในมือเตรียมจะฟาดใส่หน้าคนที่ทำแบบนี้แต่เสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นทำให้มือหยุดชะงัก
“ตอบที่ผมถามมาก่อนพี่สาม”
“ผมบอกว่าอย่า...อะ นี่!” ผมกำลังจะตอบเขา
แต่เขาก้าวประชิดเข้ามาใบหน้าแทบชิดหน้าผม “ทำอะไรของนาย!”
เขายิ้มมุมปาก
ก่อนที่ผมจะนึกได้ว่าเผลอเปลี่ยนสรรพนามที่เรียกเขาออกไป
ก้มหน้าหลบสายตาแวววาวของเขาที่มองมา
“หละ...หลีกไป”
“ลำบากใจนักรึไง ที่ต้องผมเรียกแบบนี้” ผมเงยหน้าจ้องหน้าเขาทันที
รู้สึกโมโหขึ้นมา
“เออ! ลำบากใจมาก ถ้านายแม่งเรียกคนอื่นก็จะรู้ ฉันจะเดือนร้อน
ฉันถึงไม่อยากให้คนอื่นรู้ไง พอใจรึยังวะ!!” ผมตะโกนใส่หน้าเขา
หอบหายใจเพราะเผลอใช้เสียงมากไป รู้สึกแสบที่ตานิดๆ
“คุณทำให้ผมโมโห” เขากดเสียงต่ำ
คว้าต้นแขนผมเข้าไปหาตัวแล้วบีบจนผมรู้สึกเจ็บจนต้องเบ้หน้า
หนังสือในมือร่วงหล่นไปที่พื้นจนหมด
“ปล่อยฉัน มันเจ็บ!”
“เจ็บแล้วคิดว่าผมไม่เจ็บรึไงวะ!”
“ฉันบอกนายไปแล้วนี่!!” ผมตะโกนแข่งกับเขา “นายลองกลับไปคิดดูนะว่าเพราะอะไร! ฉันเป็นอาจารย์ นายเป็นนักศึกษา
ถ้าทำแล้วคนอื่นมาเห็นจะเป็นยังไง!”
“...”
“ตอนอยู่ข้างนอกฉันเคยห้ามนายหรือไง….อย่างี่เง่านักได้ไหม..ฉัน..อื้อ”
พานจื่อปล่อยแขนผม จับไหล่ผมเข้าไปหาก้มหน้าแนบริมฝีปากลงมาเต็มรัก
ริมฝีปากอุ่นร้อนของเขาทำให้ผมตกใจจนเผลออ้าปากรับลิ้นที่สอดเข้ามาในปากของผมอย่างรวดเร็ว
ผมทั้งดันทั้งผลักแต่ก็ไม่เป็นผลสุดท้ายก็ยอมโอนยอมอ่อนอยู่ในอ้อมแขนเขา
หลังผมกระแทกกับประตูเสียงดังจนกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยินเข้า
แต่นั่นไม่ทำให้ไอ้หมาบ้าที่ระดมกดริมฝีปากลงมาที่ปากของผมให้หยุดได้เลย
เขาเอียงหน้าเปลี่ยนมุมหลายรอบเพื่อจะจูบได้ถนัดในขณะที่ผมยืนแทบหมดแรงอยู่ตรงนั้น
เสียงจูบของเราดังก้องไปทั่วบริเวณ
ผมที่กำลังจะหมดลมหายใจกำเสื้อที่อกเขาแน่นทั้งทุบทั้งหยิก
ก่อนที่เขาจะผละใบหน้าออกไป
แฮ่ก
แฮ่ก
“ผมขอโทษ” มือเขารั้งเอวผมเข้ไปากอด
ริมฝีปากที่ยังคลอเคลียไล่จูบไปตามมุมปาก ใบหน้า
ก่อนที่จะเลื่อนไปจูบเบาๆที่ข้างแก้ม ผมหอบอย่างเดียวไม่มีแรงจะไปต่อต้านอะไรเขาอีก
เงยหน้ามองสบตาเขาที่มีแววเว้าวอนอยู่ในนั้น
“....”
“อือ...” ผมพยักหน้าน้อยๆ
พานจื่อก้มลงมาจูบเบาๆที่แก้ม มือเขาที่เริ่มสอดเข้ามาใต้เสื้อ ปกคอถูกแหวกออกนิดหน่อยก่อนที่ริมฝีปากอุ่นร้อนจะเลื่อนลงมาทาบทับ
ผมสะดุ้งจนได้สติรีบผลักเขาออก
“ไม่เอา....”
“?”
“ไม่ใช่ที่นี่”
ผมก้มเก็บหนังสือก่อนจะวิ่งออกห้องไปหน้าร้อนแทบไหม้
-----------------------------------------------------------------------------------------
อาสามในคราบอาจารย์มหาลัยกับนักศึกษาหัวใจชื่อพานจื่อ
/// คล้องจ้องจนตั้งตั้งชื่อไหมฉัน..
เนื้อหาอาจไม่เกี่ยวกับกาวแปะกระดาษค่ะแต่เป็นเรื่องกา....//แค่กๆๆๆ
ว่าแต่ในคลาสของพานจื่อมีกล้องวงจรปิดไหม......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น